เคล็ดลับซื้อรถมือสอง รวมเทคนิคและวิธีการเลือกซื้อรถมือสอง คลิก!! More

เทคนิครถยนต์: Burn ECU อยากแรงแบบไม่พึ่งกล่องพ่วง

เทคนิครถยนต์: Burn ECU  อยากแรงแบบไม่พึ่งกล่องพ่วง

            กล่อง ECU เดิม ๆ ก็สามารถทำให้รถแรงขึ้นได้ ซึ่งในปัจจุบันที่นิยมกันมากคือ กล่องพ่วง มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามกันทุกวัน เราจะมาบอกให้กระจ่างกันว่าข้อดีของกล่องพ่วงหรือที่เรียกกันว่ากล่อง Piggy Back กล่องนี้มีความสามารถพิเศษที่จะทำหน้าที่หลอกกล่องควบคุมหลัก ซึ่งใช้หลักการง่าย ๆ ในการเพิ่มแรงดันไฟฟ้ามาขึ้นจากการรับสัญญาณมาจากตัวเซ็นเซอร์เพื่อส่งสัญญาณไปยังกล่องหลักให้ไปประมวลผลข้อมูลทำให้อัตราการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นกว่าเดิม แน่อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถเฉพาะบุคคลที่จะปรับเซ็ทให้ลงตัวได้มากขนาดไหน ไม่ใช่ว่าจะถมน้ำมันอย่างเดียวแบบนี้ใช่ว่าจะเป็นผลดีกลับกลายเป็นผลเสียมากกว่า รถไม่วิ่งแถมกินน้ำมันกว่าเดิมอีก
            และที่สำคัญ การใช้กล่องพ่วงบางยี่ห้อขอย้ำว่าเป็น “บางยี่ห้อ” จะมีปลั๊กสำเร็จต่ออกมาเพื่อไปจั๊มพ์กับกล่อง ECU จึงต้องใช้วิธีตัดต่อสายซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยนิยมกัน เพราะเมื่อใช้งานไปนาน ๆ จุดที่เราต่อไว้อาจหลวมจนทำให้เกิดการสปาร์คและเมื่อเกิดการสปาร์คแล้วอาจส่งผลให้เกิดผลเสียต่อตัวกล่อง ECU เป็นผลทำให้กล่องพังได้ ถ้าเกิดอาการดังกล่าวเราจะเห็นว่าอยู่ดี ๆ EUC ไม่ทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุเรียกว่ากล่องเจ๊ง สาเหตุก็อย่างที่บอก คุณอาจจะสงสัยว่าแค่สายไฟที่ต่อหลวมเป็นได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าแบบนั้นให้ลองนึกเวลาใส่ขั้วแบตเตอรี่แล้วเกิดการสปาร์คที่ขั้วแบตนั้น ทำให้แรงดันไฟฟ้ากระชากสูงขึ้น ทำนองเดียวกับสายไฟที่หลวมจากการตัดต่อทำให้มีการขยับตัว ส่งผลไปถึงกล่อง ECU นั่นคือข้อเสีย และอีกอย่างถ้าเป็นกล่องพ่วงที่นำมาติดตั้งไว้ในห้องเครื่องยนต์ก็จะต้องประสบพอเจอกับความร้อนซึ่งอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่าง ๆ มันไม่ค่อยถูกกับความร้อนแม้ผู้ผลิตจะบอกว่าอุปกรณ์ตัวนี้สามารถทนความร้อนได้สูงก็ตาม แต่อายุการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ก็สั้นลง อายุการใช้งานก็จะน้อยลง ซึ่งต่างจากกล่อง ECU ตัวหลักที่มีหลายยี่ห้อเอามาติดตั้งอยู่ห้องเครื่องซึ่งต้อผง่านการทดสอบมาแล้วว่า สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนพวกกล่องพ่วงไม่รู้ว่าจะทนความร้อนได้มากแค่ไหนพูดได้เลยว่าอยากแรงแล้วก็ต้องมาเสี่ยงกับความเสียหาย

            ตัวกล่อง ECU ที่เห็นหน้าตาเป็นสี่เหลี่ยมนั้นภายในบรรจุไปด้วยอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ที่เรียกกันว่าตัว IC (Integrated Circuit) กับลายวงจรดูแล้วหน้าตาไม่แตกต่างกับกล่องยี่ห้ออื่นแต่การจัดวางอุปกรณ์ตัว IC หรือขนาดของวงจรจะแตกต่างกันไปอยู่ที่วิศวกรผู้ออกแบบ ซึ่งอย่างที่เรา ๆ ทราบว่ากล่องควบคุมรุ่นใหม่ ๆ จะเป็นกล่องที่มีความเร็วในการประมวลผลเป็นแบบ 32 Bit มีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลมากว่ากล่องรุ่นเก่า ถ้าจะเท้าความจากกล่องรุ่นเก่าเริ่มแรกเดิมทีมาในแบบ 8 Bit ที่มีความเร็วไม่มาก วงจรไม่มีความซับซ้อน (Bit ที่เรียก ๆ กันนี้เป็นอัตราความเร็วในการส่งข้อมูลต่อ 1 วินาที (8 Bit เป็น 1 Byte 1 Byte ก็คือ 1 ตัวอักษร) ถ้าเป็นแบบเก่าก็จะช้า ๆ แบบนี้รุ่นใหม่ออกมาจึงมีการเพิ่มความเร็วเป็น 16 Bit แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแบบ 32 Bit ตอนนี้กล่อง ECU เดิม ๆ ที่ติดรถออกมาจากโรงงานส่วนมากเป็นแบบ 32 Bit แทบทั้งหมด สำหรับกล่อง ECU ที่ติดมากับตัว D-Max และ Colorado จะเป็นกล่องทีเหมือนกัน ทำมาจากโรงงาน GM ซึ่งข้อมูลต่าง ๆ จะเหมือนกันเลย (จะไม่เหมือนได้อย่างไร เครื่องยนต์ตัวเดียวกันทำออกมาสเป็คเหมือนกันทั้งแรงม้าและแรงบิด) ดังนั้นถ้าทำให้เจ้า D-Max ได้ “เจ้าโด้” ก็ต้องทำได้เช่นกัน ส่วนของ VIGO ยังไม่สามารถทำได้เพราะตัว IC ในกล่อง ECU ของเจ้าโก้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันคนมือบอนไปยุ่งกับกล่อง แต่เชื่อว่าต่อไปก็จะมีคนที่สามารถทำได้เพราะเวลากล่องของเจ้าโก้มีปัญหาต้องเอาเข้าศูนย์ ทางศูนย์ยังสามารถลงโปรแกรมใหม่ให้ได้เลย ต่อ      ไปก็คงหาวิธีการทำได้แน่นอนไม่ใช่เพียงเจ้าโก้เท่านั้น ทั้ง Trition,BT 50 หรือ Ranger ก็น่าจะทำได้แต่คงต้องใช้เวลาศึกษาสักนิด

            ส่วนในการทำกล่องของ D-Max นี้ตอนแรกต้องดึงข้อมูลของเก่าออกมาให้ได้ก่อน โดยใช้เครื่องมือดึงข้อมูลออกมาดู กล่อง ECU แต่ละค่ายการเขียนโปรแกรมลงไปก็แตกต่างกันดังนั้นโปรแกรมที่จะดูโค้ดก็จะต่างกันไป การดึงข้อมูลออกจากกล่อง D-Max ต้องมีการจั๊มพ์ขาตัว IC นิดหน่อยถึงดึงข้อมูลของเก่าออกมาได้ ซึ่งการทำขั้นนี้ต้องใช้ผู้ที่มีความรู้สักนิดในการทำและการทำในขั้นตอนนี้ได้นำผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องกล่อง ECU มาจากสวิสเซอร์แลนด์โดยตรง หิ้วเครื่องมือมากระเป๋าใหญ่ เพื่อมาทำกล่องให้ D-Max โดยตรง เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว ก็ต้องนำไปเข้าโปรแกรมเพื่อปรับเช็ทค่ากันใหม่โดยผู้ชำนาญ
 

บทความรถยนต์ที่น่าสนใจ