เทคนิครถยนต์: ดูแลกระจกไฟฟ้า

เทคนิครถยนต์: ดูแลกระจกไฟฟ้า

            เทคนิครถยนต์: รถนายแบบชอบมีปัญหาคันเดิมส่งเสียงแปลก ๆ จากกระจกไฟฟ้าให้ได้ยินบ่อย ๆ ในเวลาหลังจากไปลุยฝนมา หรือจอดรถตากฝนอยู่คล้ายกับเสียงคนเอานิ้วมาถูกับกระจก จึงเกิดความรำคาญใจอยู่ไม่น้อย

           เทคนิครถยนต์: เมื่อครั้งยังไม่มีวิวัฒนาการอันสูงส่ง การทำให้กระจกขึ้นหรือลงไดนั้นต้องใช้มือเพื่อออกแรงในการนำกระจกขึ้น-ลง หรือที่เรียกกันว่า กระจกแบบมือหมุน หลักการง่าย ๆ ของการทำงานคือชุดเฟืองหมุนจากที่เราจับหมุนจะมีเฟืองทดรอบให้เราเบาแรงและเฟืองตัวนี้จะไปขบกับเฟืองของตัวรางกระจกอีที ทำให้กระจกขึ้นลงได้ตามแรงที่เราหมุน เพียงแค่หลักการง่าย ๆ ก็สามารถช่วยให้เราเปิดกระจกได้แล้วครับ เมื่อมีการพัฒนามากขึ้น การทุ่นแรงย่อมมากขึ้น ตัวกระจกแบบมือหมุนค่อย ๆ หมดไป ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์เริ่มเข้ามามีบทบาทในรถมากขึ้นทุกที เช่น กระจกมองข้างที่ไม่ต้องเอื้อมมือไปปรับกันให้เสียแรง แค่เพียงปลายนิ้วสัมผัสปุ่มเบา ๆ ก็สามารถปรับกระจกมองข้างทิศทางการมองในตำแหน่งชัดเจน กระจกไฟฟ้าก็ไม่ต้องออกแรงจุดหมุนที่ต้องใช้มือก็นำมอเตอร์ไฟฟ้ามาเป็นเครื่องทุ่นแรง แค่ใช้ปลายนิ้วดันขึ้นหรือลง กระจกก็ทำตามคำสั่งแล้วยังมีฟังค์ชั่นแบบกดขึ้นหรือลงเพียงครั้งเดียวไม่ต้องมาใช้นิ้วกดค้างแช่จนกระจกขึ้นหรือลงสุดถึงปล่อยมือออก และยังมีระบบป้องกันกระจกหนีบมือหรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่เรียกกันว่า Protection  Jam เข้ามาด้วย ต่อไปก็คงแค่สั่งงานด้วยเสียงเท่านั้น

            เทคนิครถยนต์: สำหรับเสียงที่เกิดขึ้นจากกระจกจะแบ่งแยกออกเป็นสองกรณีคือ เสียงที่ดังมาจากการเสียดสีของตัวกระจกกับขอบยางอันนี้เป็นเสียงหนึ่ง ส่วนถ้าเสียงที่เกิดมาจากชุดพวกรางหรือตัวเฟืองมอเตอร์ก็จะมีอีกเสียงคับลองฟังดูดี ๆ ในรถคันที่มีเสียงดังจากกระจกไฟฟ้าน่าจะเกิดจากความฝืดของตัวกระจกกับตัวยางขอบกระจกที่เสียดสีกันคงเกิดมาจากสาเหตุที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดรถ ล้างรถและจอดตากแดดตากฝน ทำให้สิ่งสกปรกสะสมมากขึ้น เป็นเหตุให้เกิดเสียง และยังเกิดมาจากตัวรางกระจกภายในประตูที่เราต้องถอดออกมาเพื่อหล่อลื่นกันสักนิดหน่อย

            จะดูตัวรางกระจกได้ก็ต่อเมื่อถอดแผงข้างประตูออกซะก่อน รถแต่ละคันมีวิธีการถอดใกล้เคียงกัน ในขั้นตอนแรกต้องจัดการไขน็อตออกให้หมด ส่วนมากจุดที่มีน็อตยึดอยู่ก็คือบริเวณมือจับเปิดล็อคประตู ส่วนในบางรุ่นอาจมีน็อตยึดอยู่ในตำแหน่งขอบของแผงประตูต้องตรวจเช็คให้เรียบร้อยก่อนดึงแผงประตูออก ไม่งั้นอาจเป็นแผลฉกรรจ์ได้ D-Max ของเราจะมีแผ่นพลาสติกสีดำที่ปิดตรงบริเวณกระจกมองข้างภายในห้องโดยสาร เพื่อความสะดวกในการนำแผงข้างประตูออก วิธีการเอาแผ่นพลาสติกสีดำอันนี้ออกก็แค่ดึงออกมาตรง ๆ ให้หมุดยึดหลุดออกแล้วยกขึ้นเพื่อนำออกมาอย่างไม่ยากเย็น

           เทคนิครถยนต์:  มาลงมือกันต่อที่ตัวแผงประตูไขน็อตที่ตัวมือจับเปิดล็อคประตูตัวหนึ่งและไขน็อตที่ตัวมือจับปิดประตูอีกสองตัว ซึ่งจะเป็นชุดเดียวกับแผงควบคุมสวิทช์กระจกไฟฟ้าและกระจกมองข้าง จุดนี้ต้องระวังกันนิดเพราะจะทำเป็นเดือยอยู่ด้านบนพยายามดึงออกมาตรง ๆ ให้ขนานกันอย่ายกด้านท้ายให้สูงมากเดี๋ยวจะหัก พลาสติกตรงจุดนี้จะแข็งแต่แตกหักง่ายของใครหักเก็บชิ้นส่วนเอาไว้แล้วค่อยซ่อมอีกทีในช่วงตอนประกอบละกัน เสร็จแล้วจึงดึงปลั๊กไฟที่ชุดสวิทช์ควงคุมออก เมื่อสำรวจแล้วเห็นว่าน็อตทุกตัวถูกไขออกเรียบร้อยในเวลานี้ต้องใช้แรงกันมากหน่อยเพราะแผงประตูถูกยึดไว้ด้วยหมุดที่ยังไม่เคยถูกดึงออกเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกอาจออกยากหน่อยเพราะของยังไม่เคยลองถอดแบบนี้สักสามสี่ครั้งเดี๋ยวก็ถอดคล่องเองครับ เมื่อดึงแผงประตูที่ถูกยึดด้วยหมุดออกหมดแล้วให้ยกขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ขอบยางที่ล้อคอยู่กับประตูออกมาได้ จึงยกแผงประตูออกไปวางให้เรียบร้อยป้องกันการเกิดริ้วรอยกันนิดเมื่อมองเข้าไปจะเห็นการป้องกันอีกขั้นเป็นแผ่นพลาสติกบาง ๆ ปิดเพื่อปกป้อง การดึงแผ่นพลาติกออกต้องระวังกาวให้ดี เพราะต้องใช้ติดประกอบเข้าไปอีกครั้ง ค่อย ๆ ดึงอย่างประณีตแล้วจับวางให้เรียบร้อย ลืมไปนิดว่าก่อนแกะพลาสติกตัวนี้ต้องเอาเหล็กแผ่นเหล็กที่อยู่กลางประตูออกด้วยถึงจะถึงแผ่นพลาติกออกได้ เมื่อไม่มีแผ่น พลาสติกมาปิดกั้น เราจึงเห็นชุดรางกระจกไฟฟ้าแบบเต็ม ๆ ตา เมื่อราได้สำรวจแล้วพบว่าตัวรางนั้นมีความสกปรกพอสมควร บวกกับไม่มีสารหล่อลื่นเลยสักนิดทำให้มีเสียงไม่พึงประสงค์ได้ และยังต้องเช็คพวกฟันเฟืองที่ไปขบกับเฟืองของมอเตอร์ควบคุมกระจกไฟฟ้าอีกด้วย ในส่วนของรางที่ทำความสะอาดเช็คพวกคราบขี้ฝุ่นออกให้หมดก่อนแล้วจึงลงจาระบีหล่อลื่น ถ้าได้จาระบีสำหรับหล่อลื่นพวกรางกระจกโดยเฉพาะจะดีกว่า ส่วนของผมเล่นง่ายหาจาระบีที่อยู่ใกล้ตัวมาทา ๆ ป้าย ๆ เน้นมาก ๆ หน่อยเพราะจะได้ไม่ต้องรื้อมาหล่อลื่นกันบ่อย ๆ เมื่อหล่อลื่นเสร็จถ้าต้องการให้จาระบีทั่วถึงต้องจัดการต่อปลั๊กไฟเข้าชุดสวิทช์ควบคุมสั่งกระจกไฟฟ้าเลื่อนขึ้น-ลงตัวจาระบีจะได้เข้าไปตามจุดต่าง ๆ ได้ทั่วกว่า เสียงเงียบลงกว่าเดิมไปเยอะ แต่ยังมีจุดใหญ่เสียงดังออกมาตรงบริเวณตัวมอเตอร์เมื่อเลื่อนกระจกลง เราจึงทำการหล่อลื่นตรงชุดฟันเฟืองด้วยจาระบีอีกขุดใหญ่ แต่เนื่องจากตัวฟันเฟืองมีสภาพสึกหรอและคมมากเป็นพิเศษเมื่อเราหล่อลื่นลงไปแล้วก็คงได้แค่ทุเลาเบามือลงไปบ้าง แต่เสียงก็ยังเกิดอยู่ต้องจำใจรับสภาพนี้ครับ

            เทคนิครถยนต์: ในเมื่อเราถอดออกมาให้เห็นด้านในชัดเจนขนาดนี้แล้วจะทำอะไรก็สะดวก เราเห็นว่ามีน้ำยาตัวหนึ่งช่วยหล่อลื่นและบำรุงรักษายางได้จึงนำมาฉีดให้กับยางขอบกระจกโดยรอบเพื่อลดความฝืดของกระจกกับตัวยาง ทำให้มอเตอร์เบาแรงในการทำงานช่วยจืดอายุมอเตอร์กระจกไฟฟ้าไปในตัวอีกด้วย เห็นเพื่อนบอกว่าน้ำยาตัวนี้ไว้ใช้สำหรับรักษาลูกยางต่าง ๆ ในปืน “BB” มีส่วนผสมของซิลิโคนที่ช่วยทำให้พื้นผิวที่ฉีดลงไปลื่น ฉีดพ่นให้ทั่วขอบยางกระจกจะได้ช่วยยืดอายุยางขอยกระจกให้ใช้งานาได้ยาวนานกว่าเดิม เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงจัดการประกอบเข้าที่เข้าทางให้เรียบร้อยเหมือนยังไม่เคยแกะออกมาเป็นอันจบงานการซ่อมบำรุงในครั้งนี้ งานง่าย ๆ ที่น่าจะลองทำดูถึงแม้ว่าไม่เกิดเสียงแต่ถ้ารถคุณมีอายุมากแล้วก็น่าจะหล่อลื่นบ้างตัวกระจกจะได้ไม่ฝืดครับ