[เทคนิครถยนต์] รถใหม่ป้ายแดงเคลมอย่างไร ตอนที่ 1
การ “รับประกันคุณภาพรถยนต์” จะมีข้อกำหนดหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งร้อยทั้งร้อย คนทั่วไปจะไม่รู้เราคิดว่าจะต้องได้รับความคุ้มครองสูงสุดเสมอ และคิดเอาเองว่าผู้ผลิตต้องรับผิดชอบทุกกรณี ที่สำคัญ คือหลายคนคิดว่าฟรี แต่จริง ๆ แล้ว ทางผู้ผลิตเขามีการบวกค่ารักประกันคุณภาพรวมเข้าไปอยู่ในราคาเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว
ประเด็นสำคัญก็คือ ผู้ผลิตทุกรายได้บวกค่าใช้จ่ายในการรับประกันคุณภาพไว้ในราคาสินค้า ถ้าเสี่ยงต่อการซ่อมโน่นซ่อมนี่บ่อย ๆ หรือต้องรับประกันระยะยาว ก็ต้องแอบบวกไว้มากหน่อย อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ถ้ารับประกันรถตามที่โฆษณาแค่ 1 ปี หรือ 30,000 กม. ก็บวกเพิ่มในราคารวมน้อยกว่าการรับประกัน 3 ปี หรือ 100,000 กม. และถ้ามีเงื่อนไขพิเศษ เช่น ถ้ามีปัญหาภายใน 3 เดือนจะเปลี่ยนคันใหม่ให้เลย แบบนี้ยิ่งต้องบวกมูลค่าเพิ่มมากขึ้นไปอีก ในบางประเทศมีเงื่อนไขการรับประกันแบบขั้นต่ำรวมในราคารถยนต์ไว้แล้ว แต่ถ้าใครอยากได้เพิ่ม ทั้งจำนวนปี ระยะทาง รวมถึงบริการช่วยเหลือพิเศษ เช่น มีรถยกฟรี หรือมีรถทดแทนระหว่างการซ่อมแซม ก็เลือกจ่ายเพิ่มได้หลายระดับ
[เทคนิครถยนต์]
บางคนอาจมองว่า บริษัทรถยนต์เอาเปรียบ แต่ในโลกอุตสาหกรรมแล้วเป็นเช่นนี้มักมีการบวกค่าความเสี่ยงไว้เสมอ จะมากน้อยก็แล้วแต่ ท้ายที่สุดผู้ซื้อเป็นคนจ่ายอยู่ดีนั่นเอง สรุปเป็นเรื่องสั้น ๆ ก็คือ ถ้าอยากได้สินค้าที่คุณภาพดีขึ้นและรับประกันคุณภาพดีขึ้น ยังไงก็ต้องจ่ายแพงขึ้น หรือถ้าราคาเดิมในรายละเอียดตัวสินค้าก็ต้องมีน้อยชิ้นลง เช่น รถยนต์ก็จะมีอุปกรณ์มาตรฐานน้อยลงเป็นเงาตามตัว
เงื่อนไขการรับการประกันในบ้านเรามีตัวกำหนดชัดเขน “บีบ” เป็นกรอบเอาไว้ด้วยว่า ระหว่างระยะเวลาการรับประกันรถยนต์ จะต้องใช้รถเพื่อการที่กำหนเท่านั้นและการใช้งานดังกล่าวจะต้องเป็นการใช้ตามสมควร และตามมาตรฐานดังที่ระบุและมีคำแนะนำจากผู้ผลิต รถยนต์ต้องได้รับการตรวจเช็คบริการมาตรฐานที่กำหนดทั้งหมดตามคำแนะนำของผู้ผลิตและตามแต่ความจำเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากการตรวจเช็คดังกล่าว และต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ต่อรถยนต์ซึ่งขัดแย้งต่อคำแนะนำของผู้ผลิต
[เทคนิครถยนต์]
การรับประกันนี้จะมีผลบังคับใช้ต่อส่วนประกอบต่าง ๆ ของรถยนต์ซึ่งตรวจพบว่าอยู่ในสภาพการทำงานที่เหมาะสม ณ วันที่ตรวจสอบและได้ทำเครื่องหมายระบุไว้ชัดเจนว่าเกิดข้อบกพร่องที่ชิ้นส่วนใด บริษัทก็จะซ่อมแซมส่วนที่เป็นปัญหาดังกล่าวนั้นเพื่อให้กลับสู่สภาพเดิมโดยไม่จำเป็นต้องใช้ของใหม่เสมอไป (แปลว่า อาจใช้ของที่ผ่านการซ่อมจนดีแล้วมาใส่เข้าไปก็ได้) ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์ให้รถยนต์กลับคืนสู่สภาพเดิมแบบใช้งานได้ รวมทั้งสามารถจะเปลี่ยนระบบหนึ่งใดหรือหลายระบบของรถยนต์ให้ใหม่เพื่อให้ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาซึ่งระบบดังกล่าวจะต้องมีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่าคุณภาพเดิมที่เป็นมาตรฐานของรถทั่วไป หากความเสียหาย การทำงานผิดพลาด ที่พบในรถคันดังกล่าวซึ่งเจ้าของรถยนต์มั่นใจว่ายังอยู่ในระยะของการรับประกันของบริษัท ผู้เป็นเจ้าของรถยนต์สามารถใช้สิทธิการซ่อมในระยะของการรับประกันได้ทันที และยังสามารถให้ทางบริษัทออกหนังสือแจ้งรายละเอียดในข้อบกพร่องเสียหายทั้งหมดเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานหากเกิดปัญหาในการใช้งานครั้งต่อ ๆ ไป
แต่ก็มีให้พบอยู่เสมอว่าเจ้าของรถหลายราย นำรถไปปรับแต่งเปลี่ยนแปลงสภาพไปจากมาตรฐานเดิมของโรงงานทั้ง ๆ ที่รถยังอยู่ในระยะการรับประกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของชิ้นส่วนองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งกับตัวรถไปจนถึงเครื่องยนต์ ซึ่งหากเกิดปัญหาแล้วทางศูนย์บริการตรวจสอบพบการดัดแปลงแก้ไข ก็จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดขึ้น เจ้าของรถต้องเข้าใจด้วยว่ามันเป็นกฎระเบียบข้อบังคับ ไม่ใช่ทางบริษัทรถยนต์จะไม่รับผิดชอบ แต่คุณไปทำผิดมาก่อน ดังนั้นควรเข้าใจและพยายามทนใช้รถเดิม ๆ ไปจนหมดระยะเวลารับประกันซะก่อนแล้วค่อยเอาไปแต่งจะดีกว่า หากเกิดจากปัญหาของตัวรถเองส่วนใหญ่ทางศูนย์บริการจะซ่อมให้ ถึงแม้ว่าจะต้องซ่อมกันหลายครั้งก็ตาม ไม่มีทางที่บริษัทจะเปลี่ยนรถ หรือคืนเงินให้คุณได้เพราะรถคันหนึ่งราคาเป็นแสนเป็นล้าน มันไม่ง่ายหรอกที่จะใช้นโยบาย “ไม่พอใจสินค้ายินดีคืนเงิน” ความไม่เข้าใจกับตรงนี้แหละที่เกิดกรณีทุบรถ บี้รถ ฟ้องบริษัทรถ ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องมาดูกันที่รายละเอียดปลีกย่อยลึกลงไปอีก และมีให้เห็นกันมาแล้ว มีทั้งบริษัทต้องรับผิดชอบเต็ม ๆ และก็มีที่ลูกค้าเองเรียกร้อยอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน
ก็เพราะรถยนต์ในบ้านเราราคาคันหนึ่งไม่ใช่ถูกนี่แหละ ที่ทำให้ผู้บริโภคหลายคนตั้งคำถามย้อนกลับมาว่า ก็แล้วทำไมจะต้องยอมเขาล่ะ กับสินค้าราคาไม่เท่าไรเขายังรับผิดชอบแล้วนี่เราเป็นเงินเป็นล้านแล้วทำไมต้องมาทนใช้รถที่มีปัญหา หลายคนจึงลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ของตนในฐานะผู้บริโภค จนบริษัทรถยนต์ต้องรับผิดชอบคืนเงิน หรือเปลี่ยนรถให้ใหม่ตามที่เรียกร้อง
[เทคนิครถยนต์]