เทคนิครถยนต์: ขัดสีกันดีกว่า จัดการให้ปิ๊วจะได้ซิ่งแบบหล่อ ๆ
เรื่องล้างรถและดูแลรักษาสีนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นสิ่งที่น่ารู้สำหรับคนรักรถตัวจริง แค่เรื่องล้างขัดสีนี่มันสำคัญตรงไหน มาดูกันดีกว่าครับ อยู่ ๆ เราจะมาขัดสีเลยนี่ก็คงไม่เหมาะครับ เราควรล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ ทั้งหมดออกจากรถกันก่อน โดยใช้เวลาวันว่าง ๆ เพราะต้องล้างกันอย่างพิถีพิถันสักหน่อย โดยมีอุปกรณ์ครบมือ
แน่นอนล้างรถต้องมีน้ำ จะให้ดีก็มีถังน้ำอีกซักใบและก็แชมพูสำหรับล้างรถซักหน่อย และอีกอย่างที่มีได้ก็จะดีเลยคือ ฟองน้ำแบบเนื้อละเอียด ๆ แชมพูล้างรถกับฟองน้ำนี่แหล่ะสามารถหาซื้อได้ทั่วไปครับ ทำไมถึงอยากได้แบบละเอียด ๆ ก็เพราะว่าฟองน้ำที่เราใช้อาบน้ำบางชนิดจะเห็นเป็นรู ๆ เล็กบ้างใหญ่บ้าง หากเป็นฟองน้ำที่เราจะนำมาล้างรถ ถ้าเนื้อมันไม่ละเอียด สากหรือมีรูใหญ่ ๆ บ้างเล็ก ๆ บ้าง เวลาล้างหากมีเม็ดทรายหรือผงฝุ่นที่ขนาดใหญ่มันจะเข้าไปสะสมอยู่ในรูใหญ่ ๆ เหล่านี้ และนี่คือปัญหา หากเราไม่ได้ทำความสะอาดฟองน้ำบ่อยครั้งขณะล้าง ผงฝุ่นและเม็ดทรายที่ติดอยู่ขณะที่เราล้างมันจะกลายเป็นกระดาษทรายดี ๆ นี่เอง
และเมื่อล้างแล้วก็ต้องมีผ้าเช็ดครับ ผ้าเช็ดนี้ก็เช่นเดียวกับฟองน้ำ ควรหาผ้านิ่ม ๆ ที่สามารถดูดซับน้ำได้ดีและบิดออกได้ง่ายคือเมื่อมันเปียกชุ่มแล้ว เราบิดผ้าให้น้ำออกมันก็ควรจะออกมาเยอะ ๆ ไม่สะสมในเนื้อผ้ามาก เวลาเช็ดแห้งจะได้ไม่เหนื่อย ต่อมาก็คือ อุปกรณ์ในการเสริมหล่อขั้นที่สอง อุปกรณ์ในการขัดสีนั่นเอง สิ่งที่ควรจะมีก็มีดังนี้ อย่างแรกคือ น้ำยาลบรอย หาซื้อได้ตามมุมหรือส่วนที่มักจะมีสินค้ารถยนต์ขายในห้างสรรพสินค้าหรือแม้แต่ร้านทั่วไปที่ขายสินค้าสำหรับคนรักรถ ต่อมาก็คือ น้ำยาขัดเคลือบเงา 2 อย่างนี้ไม่เหมือนกันนะครับ น้ำยาเคลือบเงาคือ ขัดเคลือบสีให้เงางาม ส่วนน้ำยาลบรอยนี้ลบรอยต่าง ๆ เช่น รอยขูดขีดที่ไม่ลึกมาก รอยขนแมวต่าง ๆ น้ำยาลบรอยมักจะใช้กันในอู่มี และเมื่อมีน้ำยา 2 ตัวนี้แล้วก็ต้องมีผ้าสำหรับลงน้ำยา หรือจะใช้ฟองน้ำเนื้อละเอียดก็ได้ (เค้ามักจะมีขาย สำหรับพวกนี้เหมือนกัน บางยี่ห้อมีแถมมาด้วยเลย) เมื่อลงน้ำยาแล้วก็คือผ้าสำหรับเช็ดตัวน้ำยาออกเท่านี้เองอุปกรณ์ที่ต้องการ หาได้ไม่ยากเลยและหลังจากอุปกรณ์พร้อมก็มาเริ่มลงมือกันได้เลย [เทคนิครถยนต์]
ล้างรถให้สะอาดเริ่มจากหลังคา ฉีดน้ำล้างจากด้านบนลงมาถึงด้านล่าง ผสมแชมพูใส่ถังแล้วผสมน้ำตามอัตราส่วน ลงแชมพูแล้วใช้ฟองน้ำสำหรับล้างรถเริ่มที่หลังคาไล่ลงมาที่ฝากระโปรงจนถึงล้อ ให้ระวังบริเวณชายล่างที่มักมีคราบทรายคราบฝุ่น หากลูกเรื่อยเปื่อยรถจะเป็นริ้วรอยให้หงุดหงิดเปล่า ๆ ล้างแชมพูออกหมดแล้วก็เริ่มเช็ดจากหลังคาก่อนเช่นกัน ส่วนไหนเปิดได้ก็เปิดครับ เช่น ประตู ฝากระโปรง ฝาถังน้ำมัน เพื่อกันน้ำขังในขอบต่าง ๆ รวมถึงขอบรอยต่อต่าง ๆ เช่น กระจัง หรือมือเปิด และกระจกมองข้าง ส่วนนี้ใครเช็ดไม่หมดมักจะมีน้ำหยดตามมาทีหลัง
หลังจากนั้นเริ่มลงน้ำยาขัดลบรอย การลงน้ำยาตัวนี้ถ้าจะให้ดีควรลงทั้งคันเพราะบางทีคราบต่าง ๆ ที่ติดอยู่ไม่หมดจากการล้างหรือล้างออกยาก ๆ เช่น คราบยางแอสฟัลท์หรือคราบอื่น ๆ ลงให้ทั่วจะได้เนียนทั้งคัน เริ่มที่เทน้ำยาลงบนตัวรถ ใช้นิ้วป้ายเอาก็ได้ให้พอเหมาะ ใช้ผ้าเช็ดให้เป็นวงกลมทั่วตัวรถ ตรงไหนที่มีคราบก็ให้เช็ดออกให้ดี ๆ ตรงนี้ได้ออกกำลังไปในตัว น้ำยาชนิดนี้ไม่ควรนำไปเช็ดกระจกและโคมไฟนะครับ และหากลงเป็นวงกลมก็วนให้เป็นทางเดียวกันคือ วนตามเข็มนาฬิกาก็ตามเข็มตลอด ทวนก็ทวนให้ตลอด เมื่อทั่วทั้งคันแล้วคนขัดจะมีอาการลิ้นห้อย หากไม่ได้ใช้เครื่องมือช่วย ใช้ผ้าเช็ดออกให้สะอาดครับ ใครจะลงเป็นส่วน ๆ แล้วเช็ดออกก็ได้ แต่แนะนำให้ทำทั้งคัน เมื่อเช็ดออกให้สะอาดแล้วมาลงน้ำยาเคลือบเงากัน
การลงน้ำยาเคลือบเงาก็เช่นเดียวกัน แต่ลงน้ำยาเคลือบเงานี้ต้องลงทั้งคันแน่นอน ไม่อย่างนั้นเงาเป็นส่วน ๆ เดี๋ยวไม่ได้ลงด้านหน้ารถแล้วหน้าไม่มันส์ เริ่มที่เทน้ำยาลงบนผ้าหรือฟองน้ำ จากนั้นเช็ดเป็นวงกลมเช่นกัน จะทวนก็ทวนให้ตลอด จะตามก็ตามให้ตลอด และที่สำคัญอย่าเว้นที่ว่างขัดเป็นวงให้ทั่วทั้งคัน การลงน้ำยาเคลือบเงานี้ หากตอนลงน้ำยาขณะที่เราเทลงบนผ้าหรือฟองน้ำหากเช็ดไปซักพักแล้วมันเริ่มชุ่มน้ำยา ให้เปลี่ยนหรือกลับส่วนนั้นออก เมื่อลงทั่วทั้งคันแล้วทิ้งไว้ซักพักให้นายาขึ้นฝ้า ได้พักเหนื่อยไปในตัว จากนั้นใช้ผ้าที่เตรียมมาเช็ดออก หากผ้าที่เตรียมมาเช็ดไปได้ซักพักอย่าลืมกลับผ้าบ่อย ๆ ด้วย เพราะคราบน้ำยาที่เช็ดออกจะติดสะสมอยู่ในผ้าด้านที่เราเช็ดนั่นเอง
แค่นี้ก็ได้หล่อปิ๊งสมใจกันและเป็นอีกหนึ่งเรื่องง่าย ๆ ที่สามารถทำเองได้และเป็นจุดเล็กจุดน้อยที่ไม่ควรมองข้าม อย่างว่าครับหากเป็นคนรักรถตัวจริงได้ดูแลรถเองย่อมดีที่สุด และอีกอย่างที่ไม่ได้นำเสนอให้ใช้เครื่องขัดเพราะเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์เรื่องความฟิต เผื่อจะได้เป็นคำถามสำหรับตัวคุณเองว่า “เราออกกำลังกายครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”
[เทคนิครถยนต์]