เทคนิครถยนต์: เปลี่ยนหลอดไฟเป็น LED
เทคนิครถยนต์: ความแพรวพราวของบรรดาระบบไฟส่องสว่าง ไม่ว่าจะภายนอกหรือภายในของรถใหม่ช่างชวนให้อิจฉาตาร้อนเสียเหลือเกิน เมื่อของเดิมยังไม่เป็นที่พอใจจึงต้องจับหน้าปัดเดิมมาโมเพิ่ม โดยการหาหลอดไฟที่สว่างกว่ามาทำหน้าที่ส่องสว่างที่หลังพื้นมาตรวัดต่าง ๆ แทน
ชั่วโมงนี้ไม่มีอะไรที่น่าสนใจไปกว่าหลอด LED ที่ได้กลายเป็นของแต่งติดลมบนไปเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่ว่าจุดไหนที่คุณต้องการเพิ่มความสว่าง จะมีเจ้าหลอดไฟนี้รออยู่ตามช็อปให้คุณได้เสียเงินอยู่ทุกหย่อมหญ้า
เทคนิครถยนต์: จริงๆ จะว่าของเดิมไม่สว่างเลย ก็ไม่ถูกซะทั้งหมด เพราะโดยรวมแล้วเจ้าของมันก็ค่อนข้างพอใจในระดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่ดันทะลึ่งไปมืดอยู่นิดเดียว ตรงมาตรวัดความเร็วช่วง 100-120 กม./ซม. เท่านั้น และไหน ๆก็ต้องรื้ออกมาแล้ว ไอ้ที่จะเปลี่ยนเฉพาะจุดก็ใช่ที่เพราะรื้อทีไม่ใช่น้อย สู้เปลี่ยนให้หมดทีเดียวดีกว่า ว่าแล้วก็มุ่งหน้าสู่สวรรค์ของนักช้อปย่านโรงพยาบาลกลาง มีหลอด LED ให้เลือกเพียบ นี่ขนาดว่าไปเดินบ่อยพอสมควร และทุกครั้งจะได้เจอกับของใหม่ ๆ ตลอด โดยเฉพาะกับไฟหรี่เนี่ย ไม่รู้ว่าจะประเคนหลอดไฟอะไรกันหนักหนา ล่าสุดนี้ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะมีแบบ 16 หลอดแล้วด้วย ไม่รู้ว่ารอบหน้าที่จะเจอแบบไหนอีกก็ไม่รู้
เทคนิครถยนต์: แทบจะไม่ต้องใช้อะไรเลย เพราะใช้เพียงแค่ไขควงแฉก , ไขควงแบนตัวเล็กและเหล็กงัดพุกเท่านั้น เริ่มจากตัวกรอบหน้าปัด ซึ่งจะมีน็อตยึดอยู่ทั้งหมด 3 ตัว โดย 2 ตัวจะอยู่ด้านบนของกรอบหน้าปัด อันนี้ต้องพึ่งไขควงแฉกตัวสั้น ถ้ายาวปุ๊บจะติดคอนโซลทันที ส่วนอีกตัวหนึ่งจะว่อนอยู่หลังสวิทช์ไฟฉุกเฉิน โดยจะต้องแงะเอาสวิทช์ไฟฉุกเฉินออกซะก่อน จึงจะมองเห็นน็อตตัวที่ 3 จานกนั้นก็บรรเลงต่อด้วยไขควงแฉกตัวยาวได้ทันที เมื่อกรอบหน้าปัดหมดพันธนาการแล้ว ที่เหลือก็แค่ออกแรงเล็ก ๆ ดึงเอากรอบหน้าปัดออกจากคอนโซลได้เลย เคล็ดไม่ลับในการดึงเอากรอบหน้าปัดออกจากคอนโซล ให้เอานิ้วนางกับนิ้วก้อยสอดเข้าไปในช่องสวิทช์ไฟฉุกเฉิน แล้วเอานิ้วหัวแม่มือดันตัวคอนโซลไว้ จากนั้นค่อย ๆ ดึงออกอย่างเบามือ ส่วนฝั่งขวาอาจจะหาที่ยึดเหนี่ยวยากซักนิด ต้องพึ่ง Trim Pad Remover หรือว่าเหล็กงัดพุกค่อย ๆ แซะขอบออกมา และพอกรอบหน้าปัดหลุดออกจากเบ้าเรียบร้อยก็ปลดปลั๊กสายไฟของนาฬิกา จากนั้นค่อยหาที่วางที่ปลอดภัย
เทคนิครถยนต์: มาต่อกันนี่แผงหน้าปัด ซึ่งจะมีน็อตยึดอยู่ด้านละ 2 ตัว อันนี้ใช้ไขควงตัวยาวจะสะดวกกว่า จากนั้นให้หงายแผงหน้าปัดขึ้น เพราะถ้าดึงตรง ๆ มันจะติดคอนโซล โดยจะต้องให้ด้านล่างของแผงหน้าปัดโผล่ออกมาก่อน จากนั้นไปไล่ปลดปลั๊กไฟซึ่งจะมีอยู่ 3 จุด คือ ด้านหลังแผงหน้าปัดฝั่งซ้าย 2 จุด และฝั่งขวาอีก 1 จุด เพียงเท่านี้แผงหน้าปัดพร้อมจะหลุดออกจากกรอบแล้ว ที่เหลือก็ไม่มีอะไรมาก แค่ถอดเอาขั้วหลอดไฟหน้าปัดออกมาเปลี่ยนเป็น LED เท่านั้น โดยของคันนี้จะมีทั้งหมด 16 จุด แบ่งเป็นหลอดเล็ก 10 จุด ส่วนทีเหลือเป็นหลอดใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเอมาให้ครบตามจำนวนหรอก เพราะมันจะมีหลอดไฟจำพวกไฟเลี้ยว,ไฟสูง,ไฟเตือนเบรกมือ,ไฟเตือนระดับน้ำมันเชื้อเพลิง , ไฟ Check Engine , ไฟเตือนให้คาดเบลท์ ฯลฯ ที่ใช้หลอดไส้ธรรมดาก็พอแต่ถ้าอยากใช้หมดก็ตามสะดวก ไม่มีผลเสียแต่อย่างใด
ด้วยความที่ด้านหลังของแผงหน้าปัดจะมีเบ้าสำหรับไฟเตือนอื่น ๆ อย่าง TCS , ABS ฯลฯ ที่รถเราไม่มี เพราะฉะนั้นต้องดูให้ดีว่าเบ้าที่เตรียมหย่อนหลอดไฟนั้นถูกต้องเพราะถ้าหากใส่ผิด ไปเสียบเข้ากับช่องที่เราไม่ได้ใช้ ก็ไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ตามมาด้วยขั้วของหลอด LED ที่จะไม่เหมือนกับหลอดไส้ เพราะของ LED จะต้องตรงขั้ว ถ้าเสียบผิดขั้วไฟจะไม่ติด ต่างไปจากหลอดไส้ที่เสียบยังไงก็ติดตลอด เพราะฉะนั้นต้องเช็คความสว่างก่อนจะประกอบด้วย โดยเมื่อประกอบหลอดไฟเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย ก็ยกทั้งแผงหน้าปัดนั่นแหละขึ้นไปประจำยังตำแหน่งเดิม แต่ตอนใส่นี่ต้องเอาด้านบนของแผงหน้าปัดเข้าก่อนนะ แล้วเอาปลั๊กไฟทั้ง 3 จุดใส่เข้าตามเดิม แล้วลองเปิดไฟหรี่ดู เพื่อเช็คการทำงานของหลอดไฟตามจุดต่าง ๆ ที่หากเสียบไม่ผิดขั้ว ความสว่างของพื้นมาตรวัดจะต้องเท่า ๆ กัน ไม่ใช่ว่าวัดรอบสว่าง แต่ความเร็วมืด อย่างนี้แสดงว่าหลอดไฟที่ให้ความสว่างบริเวณนั้นเสียบผิดขั้วแล้วล่ะครับ ต้องถอดออกมาสลับขั้วใหม่ และอย่าลืมบิดกุญแจไปที่สวิทช์ On ด้วย เพื่อเช็คไฟ Check Engine , แรงดันน้ำมันเครื่อง , การชาร์จของกระแสไฟ , เบรกมือ และไฟเตือนปิดประตูด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าไฟเตือนต่าง ๆ นั้นถูกตำแหน่งทุกประการ
เทคนิครถยนต์: และถ้าทุกอย่างโอเคก็ประกอบเข้าตำแหน่งเดิมได้เลย เริ่มจากแผงหน้าปัดกับปลั๊กไฟทั้ง 3 จุดจัดการเสียบเข้าที่เข้าทางซะให้เรียบร้อย จากนั้นยึดเข้าตำแหน่งเดิมพร้อมด้วยน็อตอีก 4 ตัว โดยเวลาไขให้ค่อย ๆ ไขพร้อม ๆ กันทั้ง 4 ตัว โดยเวลาไขให้ค่อย ๆ ไขพร้อม ๆ กันทั้ง 4 ตัว คือ ใส่น็อตตัวแรกให้คาเกลียวก่อน แล้วค่อยใส่ตัวที่ 2,3 และ 4 ในทำนองเดียวกัน เพราะถ้าขันน็อตตัวอื่น ๆ เยื้องจนต้องออกแรงมากกว่าปกติ ซึ่งอาจจะทำให้ขายึดแตกหรือร้าวจากการขันอัดแรง ๆ ก็เป็นได้ จนเมื่อน็อตทั้ง 4 นั้นลงล็อคหมดแล้วค่อย ๆ ไล่ขันทีละตัวแบบพอตึง ๆ มือ อย่าลืมว่าเป็นชิ้นส่วนพลาสติก จะจัดหนักอย่างตอนที่ขันกับชิ้นส่วนโลหะไม่ได้เด็ดขาด เสียงพลาสติกลั่นเพราะร้าวหรือแตก ฟังแล้วจะเสียเงิน เชื่อดิ
จากนั้นก็เป็นกรอบหน้าปัดต่อโดยจะต้องประกอบปลั๊กไฟของนาฬิกาเข้าไปก่อน จากนั้นค่อย ๆ ดันกรอบหน้าปัดเข้าที่เข้าทางอย่างช้าและเบามือ เพราะจะมีบ่ามีล็อคของมันอยู่ ถ้าออกแรงอย่างเดียวจะมีหักมีร้าวแน่เท่าที่ลองใส่ทำให้รู้ว่าถ้าดันฝั่งขวาเข้าก่อน แล้วค่อยดันฝั่งซ้ายต่อ จะประกบได้ง่ายกว่าดันให้เข้าไปทั้งชิ้น เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็มาขันน็อตหลังสวิทช์ไฟฉุกเฉินก่อน แล้วเสียบปลั๊กไฟของสวิทช์ไฟฉุกเฉินเข้าตามเดิม จากนั้นค่อย ๆ ดันเข้าที่อย่างนุ่มนวล และอย่าลืมลองเช็คดูว่ากดแล้วทำงานเป็นปกติหรือเปล่า ทีนี้ก็เหลือแค่น็อตยึดกรอบหน้าปัดด้านบนเท่านั้น ค่อย ๆ ขันไปอย่าให้ปีนเกลียว เป็นอันว่าเรียบร้อย
เทคนิครถยนต์: รอจนมือสนิทเลยเห็นว่าบางจุดแสงมันมืดกว่าเดิม ยิ่งมาเทียบกับรูปถ่ายตอนที่เคยติดตั้งไฟส่องเท้าด้วยแล้ว เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่าหลอด LED ที่เปลี่ยนเข้าไปบางจุดให้ความสว่างและสีสันสู้หลอดไส้ไม่ได้เลยต้องรื้อกลับมาใส่หลอดแบบเดิม
เรื่องของเรื่องก็คือ หลอด LED เป็นแบบ 1 วัตต์ ในขณะที่หลอดไส้เดิมเป็น 3 วัตต์ รวมไปถึงความเข้มของแสงที่สู้หลอดไส้ไม่ได้ ยังผลให้แสงและสีที่เปล่งออกมาจากพื้นมาตรวัดนั้นผิดจากที่ต้องการ ไม่ได้หมายความว่าหลอด LED ไม่ดีเพียงแต่เราไม่ดูให้ดีเอง แต่อย่างน้อย ๆ ให้คุณผู้อ่านได้รู้ว่าถอดรื้ออย่างไรเผื่อท่านที่อยากทำอะไรแปลก ๆ ดูบ้างครับ [เทคนิครถยนต์]