เคล็ดลับซื้อรถมือสอง รวมเทคนิคและวิธีการเลือกซื้อรถมือสอง คลิก!! More

บทความใหม่

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง แสดงบทความทั้งหมด
วิธีเช็กโครงสร้างของรถยนต์ ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง

เรื่องนี้ดู ๆไปแล้วการซื้อรถมือสองเปรียบเสมือนการหาแฟนคนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกมาแต่ไกลก็ชมว่าสวยว่าหล่อแล้วก็ตกลงใจเป็นแฟนกันทันที ต้องใช้เวลาดู ๆ กันไปก่อนจะตกลงคบกัน
แต่การหากแฟนก็ยังมีข้อดีกว่าการซื้อรถมือสองวันยังค่ำ ดีอย่างไรนะหรือ ก็ถ้าเป็นเรื่องแฟนต่อให้คับกันสักพัก แล้วคิดว่าไม่เหมาะสมกันหรือมีข้อตำหนิที่คุณไม่สามารถรับได้ อย่างนี้คุณสามารถบอกเลิกได้ ต่างคนต่างเลิกราไม่ต้องทนคบให้เหนื่อยใจ

เทคนิคการเลือกซื้อรถมือสอง

แต่ถ้าเป็นรถมือสองถ้าดูพลาดแล้วก็พลาดเลย คิดจะได้เงินคืนนะเหรอฝันเฟื่องไปเถอะ เพราะอย่างนั้นแหละคุณถึงต้องให้ความสำคัญกับทุก ๆ ส่วนของรถ โดยขั้นแรกให้ดูสภาพของโครงสร้างภายนอกของตัวรถก่อน จากด้านหน้าเรื่อยไปจนถึงท้ายรถสังเกตตามตะเข็บรอยต่อของหลังคา ขอบกระจกหน้า-หลังให้ดี จากนั้นก็เปิดฝากระโปรงหน้าดูที่คานหม้อน้ำทั้งด้านบนและด้านล่าง ขายึดกันชนที่ต่อเชื่อมมาจากแชสซีส์ ดูตะเข็บรอยต่อภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่ามีร่องรอยของความเสียหายหรือไม่ เพราะรถที่ถูกชนอย่างหนักพวกรอยเชื่อมหลังจากซ่อมมาแล้ว มักจะไม่เหมือนกับที่มาจากโรงงาน อันนี้คงต้องใช้การสังเกตดูหลาย ๆ คันมาเปรียบเทียบกันรถที่ถูกชนมาอย่างหนักเวลาที่ใช้งานไปนาน ๆ จะพบปัญหาตามมามากมายและในบางครั้งศูนย์ของรถอาจจะเพี้ยนมากจนเกินจะเยียวยา แต่ถ้าหากมีร่องรอยให้เห็นเล็กน้อย ก็แสดงว่ารถคันนี้มีการซ่อมแซมจากการชนมาบ้างแล้ว แต่ไม่หนักหนาหรือถ้าไม่พบเลยก็จะเป็นอันดีที่สุด

พอดูด้านหน้าเสร็จก็แวะมาดูด้านหลังบ้าง แม้โครงสร้างส่วนหลังนี้มีควรสำคัญน้อยกว่าส่วนหน้าก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่ควรละเลยเด็ดขาดเพราะโครงสร้างทั้งหมดนี่แหละทำให้การขับเคลื่อนของรถเป็นไปอย่างราบรื่นไม่เสียศูนย์ ถ้าจะเปรียบโครงสร้างของรถกับโครงสร้างของคน ก็คงจะเปรียบได้กับกระดูกของคนเรา ที่ทำให้ร่างกายของเราทั้งหลายสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ลองนึกดูสิว่า หากคุณตกบันไดแล้วเกิดขาหัก คุณก็จะเดินแบบกะเผลก ๆ เหมือนคนเสียศูนย์ มันก็ไม่ต่างอะไรกับรถหรอก ที่ถ้าพบว่าหลังคายุบหรือคด จะทำให้เสียศูนย์ เมื่อเสียแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เมื่อเบรกอย่างกะทันหันรถก็อาจหมุนติ้ว ๆ ได้หรือขับผ่านถนนหนทางที่มีน้ำท่วมขังเจิ่งนองรถก็อาจลื่นไถลได้ง่ายแม้จะไม่ได้เบรกก็ตาม

โครงสร้างของรถยนต์นั้นหลายส่วนสามารถหาเปลี่ยนได้ และก็มีบางส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้หรือถ้าจะเปลี่ยนก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนมากจนไม่มีใครทำกัน อย่างบังโคลนหน้า ฝากระโปรง ประตู สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่แทนได้ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุมา ส่วนแก้มหลังที่ต่อกับเสาหลังรถหรือเฟรมตัวถังกับเสาประตู เป็นชิ้นส่วนที่ไม่นิยมเปลี่ยนกัน

ด้วยขั้นตอนความยุ่งยากและความแข็งแรงของส่วนนั้นที่จะลดลงหลังจากทำการซ่อมไปแล้ว จึงไม่เป็นที่นิยมของอู่จนพอจะเรียกได้ว่า เป็นชิ้นส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ จึงควรจะต้องดูที่บริเวณนี้ให้ดี



อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

จะซื้อรถมือสองอย่าลืมเช็กโครงสร้างของรถยนต์ด้วย

rutchapong  |  at   01:48

วิธีเช็กโครงสร้างของรถยนต์ ก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง

เรื่องนี้ดู ๆไปแล้วการซื้อรถมือสองเปรียบเสมือนการหาแฟนคนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกมาแต่ไกลก็ชมว่าสวยว่าหล่อแล้วก็ตกลงใจเป็นแฟนกันทันที ต้องใช้เวลาดู ๆ กันไปก่อนจะตกลงคบกัน
แต่การหากแฟนก็ยังมีข้อดีกว่าการซื้อรถมือสองวันยังค่ำ ดีอย่างไรนะหรือ ก็ถ้าเป็นเรื่องแฟนต่อให้คับกันสักพัก แล้วคิดว่าไม่เหมาะสมกันหรือมีข้อตำหนิที่คุณไม่สามารถรับได้ อย่างนี้คุณสามารถบอกเลิกได้ ต่างคนต่างเลิกราไม่ต้องทนคบให้เหนื่อยใจ

เทคนิคการเลือกซื้อรถมือสอง

แต่ถ้าเป็นรถมือสองถ้าดูพลาดแล้วก็พลาดเลย คิดจะได้เงินคืนนะเหรอฝันเฟื่องไปเถอะ เพราะอย่างนั้นแหละคุณถึงต้องให้ความสำคัญกับทุก ๆ ส่วนของรถ โดยขั้นแรกให้ดูสภาพของโครงสร้างภายนอกของตัวรถก่อน จากด้านหน้าเรื่อยไปจนถึงท้ายรถสังเกตตามตะเข็บรอยต่อของหลังคา ขอบกระจกหน้า-หลังให้ดี จากนั้นก็เปิดฝากระโปรงหน้าดูที่คานหม้อน้ำทั้งด้านบนและด้านล่าง ขายึดกันชนที่ต่อเชื่อมมาจากแชสซีส์ ดูตะเข็บรอยต่อภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่ามีร่องรอยของความเสียหายหรือไม่ เพราะรถที่ถูกชนอย่างหนักพวกรอยเชื่อมหลังจากซ่อมมาแล้ว มักจะไม่เหมือนกับที่มาจากโรงงาน อันนี้คงต้องใช้การสังเกตดูหลาย ๆ คันมาเปรียบเทียบกันรถที่ถูกชนมาอย่างหนักเวลาที่ใช้งานไปนาน ๆ จะพบปัญหาตามมามากมายและในบางครั้งศูนย์ของรถอาจจะเพี้ยนมากจนเกินจะเยียวยา แต่ถ้าหากมีร่องรอยให้เห็นเล็กน้อย ก็แสดงว่ารถคันนี้มีการซ่อมแซมจากการชนมาบ้างแล้ว แต่ไม่หนักหนาหรือถ้าไม่พบเลยก็จะเป็นอันดีที่สุด

พอดูด้านหน้าเสร็จก็แวะมาดูด้านหลังบ้าง แม้โครงสร้างส่วนหลังนี้มีควรสำคัญน้อยกว่าส่วนหน้าก็ตาม แต่ยังไงก็ไม่ควรละเลยเด็ดขาดเพราะโครงสร้างทั้งหมดนี่แหละทำให้การขับเคลื่อนของรถเป็นไปอย่างราบรื่นไม่เสียศูนย์ ถ้าจะเปรียบโครงสร้างของรถกับโครงสร้างของคน ก็คงจะเปรียบได้กับกระดูกของคนเรา ที่ทำให้ร่างกายของเราทั้งหลายสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ลองนึกดูสิว่า หากคุณตกบันไดแล้วเกิดขาหัก คุณก็จะเดินแบบกะเผลก ๆ เหมือนคนเสียศูนย์ มันก็ไม่ต่างอะไรกับรถหรอก ที่ถ้าพบว่าหลังคายุบหรือคด จะทำให้เสียศูนย์ เมื่อเสียแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ เมื่อเบรกอย่างกะทันหันรถก็อาจหมุนติ้ว ๆ ได้หรือขับผ่านถนนหนทางที่มีน้ำท่วมขังเจิ่งนองรถก็อาจลื่นไถลได้ง่ายแม้จะไม่ได้เบรกก็ตาม

โครงสร้างของรถยนต์นั้นหลายส่วนสามารถหาเปลี่ยนได้ และก็มีบางส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้หรือถ้าจะเปลี่ยนก็เป็นเรื่องที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนมากจนไม่มีใครทำกัน อย่างบังโคลนหน้า ฝากระโปรง ประตู สามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่แทนได้ในกรณีที่ประสบอุบัติเหตุมา ส่วนแก้มหลังที่ต่อกับเสาหลังรถหรือเฟรมตัวถังกับเสาประตู เป็นชิ้นส่วนที่ไม่นิยมเปลี่ยนกัน

ด้วยขั้นตอนความยุ่งยากและความแข็งแรงของส่วนนั้นที่จะลดลงหลังจากทำการซ่อมไปแล้ว จึงไม่เป็นที่นิยมของอู่จนพอจะเรียกได้ว่า เป็นชิ้นส่วนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ จึงควรจะต้องดูที่บริเวณนี้ให้ดี



หากคุณต้องการความชัวร์แบบไม่มั่วนิ่ม การขอดูคู่มือการรับบริการและเอกสารเกี่ยวกับรถของเจ้าของเดิมน่าจะเป็นวิธีสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกแบบหนึ่ง

เทคนิคซื้อรถมือสอง
ถ้าเจ้าของรถเดิมเก็บเอกสารเหล่านั้นเอาไว้คุณก็สามารถใช้มันประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองได้ เพราะเอกสารเหล่านี้มันบอกอะไรตั้งมากมาย เช่นว่า รถผ่านการซ่อมบำรุงมากี่ครั้ง มีจุดไหนบ้างที่มีปัญหาบ่อย หรือถ้ามีการซ่อมบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของรถเป็นเวลาหลาย ๆ ครั้ง ให้ลองสอบถามกับเจ้าของรถว่าเกิดอะไรกับชิ้นส่วนดังกล่าว และบอกกับช่างเครื่องที่มาช่วยตรวจสอบเครื่องเพื่อทำการเช็กในจุดดังกล่าวอีกครั้ง เพราะช่างเครื่องยนต์ที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนหรือคนที่มีความคุ้นเคยกับการซ่อมเครื่องยนต์เป็นอย่างดี สามารถบอกรายละเอียดของรถได้อย่างมากมาย 

นอกจากนี้คุณยังมั่นใจได้อีกว่าคนที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับรถไว้ทุกย่างส่วนมากจะเป็นคนที่มีการดูแลรักษารถและนำรถเข้าศูนย์บริการเป็นประจำ หากคุณต้องการซื้อรถบ้านที่เจ้าของขายเอง คุณก็สามารถขอเช็กเอกสารสำคัญอื่นได้แม้เจ้าของจะไม่ได้เก็บคู่มือการรับบริการไว้ เช่น ขอดูเอกสารเล่มทะเบียนรถยนต์ ซึ่งจะทำให้ทราบว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมาแล้วกี่ราย มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์และสีของรถยนต์หรือเปล่า ควรเลือกซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมามือเดียว หรือจากเจ้าของคนเดียวหรืออย่างเก่งไม่เกินสาม จะช่วยให้เราสามารถซักถามประวัติการใช้รถได้

เอกสารที่ควรใส่ใจมากที่สุด คือสมุดจดทะเบียนไม่ควรมีการแก้ไขโดยไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ขนส่งกำกับ หากสมุดจดทะเบียนมีข้อน่าสงสัยคุณก็ไม่ควรทำการซื้อขายรถมือสองคันนั้นเด็ดขาดนอกจากนี้การขอเช็กบัตรที่ทางราชการออกให้ตัวจริง เช่นบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ เป็นต้น ก็เป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กัน เช็กดูซิว่าชื่อตรงกันหรือไม่ และเพื่อความมั่นใจอีกต่อคุณต้องเช็กหมายเลขเครื่องกับขนส่งด้วยว่ารถที่เราสนใจมีปัญหาหรือไม่

การเช็กรายละเอียดเอกสารเหล่านี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ใช่รถที่มีการแจ้งความว่าหาย รวมทั้งตรวจเช็กเรื่องการเสียภาษีรถประจำทุกปีว่าถูกต้องหรือต่ออายุมาตลอดหรือไม่ เพราะถ้าไม่ต่ออายุจะมีค่าปรับตามมา มี พ.ร.บ. และประกันภัยหรือเปล่า เหลืออายุเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญไม่แพ้การตรวจเช็กเครื่องยนต์กลไกหรือตัวถังเลย อย่ามองข้ามเป็นอันขาด เพราะถ้าเอกสารยืนยันไม่พร้อม นั่นก็เท่ากับว่าคุณกำลังเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับภาระที่หนักอึ้ง ดีไม่ดีอาจจะมากพอที่คุณจะถอยรถป้ายแดงออกมาเลยก็ได้ ทางที่ดีอย่าเพิ่งใจเร็วด่วนได้ ต้องคิดต้องเช็กให้รอบคอบ หากเจ้าของปฏิเสธหรือพยายามบ่ายเบี่ยงอย่างนั้นอย่างนี้ คุณก็เลิกซื้อรถของเขาไปเลยจะดีกว่า ต่อให้ลดราคาขนาดนั้นก็อย่าใจอ่อนเห็นแก่ของถูก เพราะมันดีกว่าคุณต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้ตีอกชกตัว เมื่อต้องพบกับความจริงอันเจ็บปวดและเห็นมัน (รถ) อยู่ทุกวัน

ไปหน้าแรก  ข่าวรถยนต์



อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

ซื้อรถมือสองต้องขอดูคู่มือการรับบริการ และเอกสารติดรถอื่น ๆ

rutchapong  |  at   01:37

หากคุณต้องการความชัวร์แบบไม่มั่วนิ่ม การขอดูคู่มือการรับบริการและเอกสารเกี่ยวกับรถของเจ้าของเดิมน่าจะเป็นวิธีสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกแบบหนึ่ง

เทคนิคซื้อรถมือสอง
ถ้าเจ้าของรถเดิมเก็บเอกสารเหล่านั้นเอาไว้คุณก็สามารถใช้มันประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถมือสองได้ เพราะเอกสารเหล่านี้มันบอกอะไรตั้งมากมาย เช่นว่า รถผ่านการซ่อมบำรุงมากี่ครั้ง มีจุดไหนบ้างที่มีปัญหาบ่อย หรือถ้ามีการซ่อมบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของรถเป็นเวลาหลาย ๆ ครั้ง ให้ลองสอบถามกับเจ้าของรถว่าเกิดอะไรกับชิ้นส่วนดังกล่าว และบอกกับช่างเครื่องที่มาช่วยตรวจสอบเครื่องเพื่อทำการเช็กในจุดดังกล่าวอีกครั้ง เพราะช่างเครื่องยนต์ที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนหรือคนที่มีความคุ้นเคยกับการซ่อมเครื่องยนต์เป็นอย่างดี สามารถบอกรายละเอียดของรถได้อย่างมากมาย 

นอกจากนี้คุณยังมั่นใจได้อีกว่าคนที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับรถไว้ทุกย่างส่วนมากจะเป็นคนที่มีการดูแลรักษารถและนำรถเข้าศูนย์บริการเป็นประจำ หากคุณต้องการซื้อรถบ้านที่เจ้าของขายเอง คุณก็สามารถขอเช็กเอกสารสำคัญอื่นได้แม้เจ้าของจะไม่ได้เก็บคู่มือการรับบริการไว้ เช่น ขอดูเอกสารเล่มทะเบียนรถยนต์ ซึ่งจะทำให้ทราบว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมาแล้วกี่ราย มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์และสีของรถยนต์หรือเปล่า ควรเลือกซื้อรถที่ผ่านการใช้งานมามือเดียว หรือจากเจ้าของคนเดียวหรืออย่างเก่งไม่เกินสาม จะช่วยให้เราสามารถซักถามประวัติการใช้รถได้

เอกสารที่ควรใส่ใจมากที่สุด คือสมุดจดทะเบียนไม่ควรมีการแก้ไขโดยไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ขนส่งกำกับ หากสมุดจดทะเบียนมีข้อน่าสงสัยคุณก็ไม่ควรทำการซื้อขายรถมือสองคันนั้นเด็ดขาดนอกจากนี้การขอเช็กบัตรที่ทางราชการออกให้ตัวจริง เช่นบัตรประจำตัวประชาชน ใบขับขี่ เป็นต้น ก็เป็นสิ่งสำคัญพอ ๆ กัน เช็กดูซิว่าชื่อตรงกันหรือไม่ และเพื่อความมั่นใจอีกต่อคุณต้องเช็กหมายเลขเครื่องกับขนส่งด้วยว่ารถที่เราสนใจมีปัญหาหรือไม่

การเช็กรายละเอียดเอกสารเหล่านี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าไม่ใช่รถที่มีการแจ้งความว่าหาย รวมทั้งตรวจเช็กเรื่องการเสียภาษีรถประจำทุกปีว่าถูกต้องหรือต่ออายุมาตลอดหรือไม่ เพราะถ้าไม่ต่ออายุจะมีค่าปรับตามมา มี พ.ร.บ. และประกันภัยหรือเปล่า เหลืออายุเท่าไหร่ สิ่งเหล่านี้ล้วนสำคัญไม่แพ้การตรวจเช็กเครื่องยนต์กลไกหรือตัวถังเลย อย่ามองข้ามเป็นอันขาด เพราะถ้าเอกสารยืนยันไม่พร้อม นั่นก็เท่ากับว่าคุณกำลังเอาตัวเข้าไปเสี่ยงกับภาระที่หนักอึ้ง ดีไม่ดีอาจจะมากพอที่คุณจะถอยรถป้ายแดงออกมาเลยก็ได้ ทางที่ดีอย่าเพิ่งใจเร็วด่วนได้ ต้องคิดต้องเช็กให้รอบคอบ หากเจ้าของปฏิเสธหรือพยายามบ่ายเบี่ยงอย่างนั้นอย่างนี้ คุณก็เลิกซื้อรถของเขาไปเลยจะดีกว่า ต่อให้ลดราคาขนาดนั้นก็อย่าใจอ่อนเห็นแก่ของถูก เพราะมันดีกว่าคุณต้องมานั่งร้องห่มร้องไห้ตีอกชกตัว เมื่อต้องพบกับความจริงอันเจ็บปวดและเห็นมัน (รถ) อยู่ทุกวัน

ไปหน้าแรก  ข่าวรถยนต์




สังเกตเส้นของตัวรถ
รถหลายยี่ห้อ หลายรุ่นมักจะมีเส้นสายทั้งเป็นลายสติกเกอร์ติดเอาไว้หรือเป็นเส้นของตัวรถที่นำเป็นร่อง หรือนูนออกมาโดยเฉพาะจะมองเห็นได้จากด้านข้าง

บางรุ่นบางยี่ห้อ ทำเส้นลากตั้งแต่หน้ารถไปท้ายรถ เหมือนกันทั้งฟากคนขับและคนนั่ง เมื่อไล่สายตาเทียบดู เส้นของตัวรถทั้งด้านซ้ายกับด้านขวาต้องเท่ากันและชัดเจนทั้งสองด้าน
บางเต็นท์สุกเอาเผากิน ซื้อรถที่ชนหนักมาซ่อมโดยวิธีตีเคาะเหล็กชิ้นเดิมโดยไม่เปลี่ยนเหล็กชิ้นใหม่ หากช่างไม่มีฝีมือพอ ก็จะทำให้สังเกตข้อผิดพลาดหรือข้อตำหนิได้ง่าย หลักการสังเกตแนวเส้นที่สำคัญได้แก่
-            เสาต้องได้รูปไม่บิดเบี้ยว กระจก ขอบยาง บานประตู แนบสนิทไปกับเสา หากเส้นของเสาเพี้ยนหรือคดงอ ปิดไม่สนิท ปิดไม่เหมือนบานอื่น ๆ เป็นได้ว่าที่จะถูกชนทางด้านนั้น ซึ่งกระจกอาจจะแตกทำให้ต้องเปลี่ยนกระจก
-            กระจกหน้าเป็นจุดสำคัญที่บอกได้ว่ารถเคยถูกชนมาหนักหรือไม่ ต้องดูให้รอบ ๆ กระจกว่าเส้นเพี้ยน มีความคดงอ ติดตั้งไม่สนิท หรือไม่ ต้องแนบไปเป็นแนวเดียวกับเส้นขอบหลังคา และต้องไม่มีร่องรอยยาซิลิโคนกันรั่ว
-            รถที่ผลิตออกจากโรงงานและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจะไม่มีลักษณะนี้หรือหากตรวจดูในรถแล้วพบกับเศษกระจกเป็นเศษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลงอยู่ในช่องกระจกบริเวณคอนโซลหน้า แสดงว่าช่างเก็บงานไม่เรียบร้อยหลงเหลือเศษกระจกจากการชนจนกระจกแตกไว้เป็นหลักฐาน
-            สังเกตในส่วนพลาสติกสีดำที่อยู่ระหว่างกระจกรถกับฝากระโปรงบริเวณที่ปัดน้ำฝน ว่ามีน๊อตทุกตัวหรือไม่ หากมีครบหรือแนวเส้นขอบพลาสติกดังกล่าวแนบไปกับกระจกไม่โป่งนูน หรือประกบไม่ติดแสดงว่ารถไม่เคยเปลี่ยนกระจกมาก่อน
-            ตรวจดู “ส่วนขอบ” เช่น ขอบฝากระโปรงบิดเบี้ยวหรือไม่ รูปทรงของกันชนเป็นลอนคลื่นไม่เรียบเพราะผ่านการถอดทำสีหรือซ่อมมาแล้วจนประกอบติดไม่คงที่หรือไม่

สังเกตสีของตัวรถ
            ดูว่าตรงส่วนไหน หรือบริเวณใดของตัวรถ ที่สีแตกต่างจากบริเวณอื่น เช่นมีส่วนหนึ่งที่เป็นสีด้าน แต่พื้นผิวส่วนใหญ่ของรถมีเป็นเงา แสดงว่าตรงที่มีความด้านอาจใช้สีไม่ดีในการซ่อมสี จนต่อมาสีจึงเกิดเพี้ยนขึ้นมาดังต่อไปนี้
-            การทำสีให้รถเก่าและรถที่ชนมาแล้วแลดูสวยขึ้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า “ย้อมแมว” ด้วยการสั่งให้อู่ที่ทำผสมทินเนอร์ในสีที่ใช้พ่นตัวถังรถมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแวววาว มันเงา แต่เมื่อใช้ไปได้สักพัก ประมาณ 5-6 เดือน โดยเฉพาะรถที่ต้องจอดกลางแจ้งตากแดดตากลมเป็นเวลานาน ๆ สีจะแตกลายงา ไม่สวยงามเหมือนเดิม จนทำให้เจ้าของรถมือสองต้องกลุ้มใจและหมดเงินหมดทองไปทำสีใหม่อีกครั้ง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าของเต็นท์คิดไม่ซื่อเพราะความโลภอยากให้รถสีสวยดูเหมือนใหม่ ดึงดูดใจลูกค้า จึงให้ช่างอู่ทำการย้อมแมวในราคาที่ถูกกว่าการทำสีแบบปกติ และส่วนมากมักจะนำไปจอดโชว์หน้าเต็นท์ในบริเวณที่แดดไม่จัดมาก เพราะหากจอดไว้โดนแดดสีที่ทำการย้อมแมวจะแตกลายงา เกิดปัญหาดังกล่าว
-            ในกรณีที่เป็นรถที่พ่นด้วยสีเมทัลลิก ซึ่งเป็นรถที่มีสีบรอนซ์ผสม ในการย้อมแมวหรือส่งรถที่เกิดอุบัติเหตุไปทำสีบางส่วนนั้น เป็นสิ่งที่ยากสำหรับช่างสี แม้แต่ช่างสีที่เก่ง ๆ สามารถซ่อมจนเทียบเคียงสีเดิมได้เพียง 95% เท่านั้น
หากเจ้าของรถนำไปซ่อมเองก็ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะหากใช้งานไปนาน ๆ สีก็จะกลมกลืนเนื่องจากสภาวะต่าง ๆ เช่น แสงแดด ดิน ฟ้า อากาศ ไปเอง

แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสอง นี่เป็นวิธีสังเกตได้อย่างง่าย ๆ และดีเยี่ยม เพราะจะเห็นความแตกต่างได้แม้ช่างจะมีฝีมือมากเพียงใดก็ตาม ดังนั้นจึงเตรียมรับกับสารพัดข้ออ้างของเต็นท์รถที่จะหลอกล่อคุณให้ดี

การสังเกตสีบริเวณขอบบังโคลนก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน ลองบีบดูที่ขอบบังโคลนควรมีความหนาไม่เกินกว่า 3-4 มิลลิเมตร ส่วนบังโคลนด้านในประมาณ 1.5 มิลลิเมตร หากเกินกว่านี้มาก ๆ แสดงว่าถูกโป๊วสีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการบริการใหม่เกิดขึ้น นั่นก็คือ
บริการให้เช่าเครื่องตรวจสอบรถด้วยเครื่องตรวจวัดความหนาของสีรถยนต์ (Automotive Paint Inspection) เพื่อให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบสภาพรถยนต์ว่า ผ่านการทำสีจากการชน หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่

ในการตรวจสอบนี้ ร้านที่ดำเนินงานจะใช้เครื่อง Coating Thickness Gauge ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดค่าความหนาของสีที่พ่นกับผิวเหล็ก การตรวจสอบจะครอบคลุมเฉพาะตัวถังภายในและนอกทุกจุดที่เป็นเหล็กเท่านั้น โดยมีการอ้างอิงว่า โดยปกติรถยนต์ที่ออกจากโรงงานผลิตความหนามีมาตรฐานที่พ่นจะมีค่าระหว่าง 100-120 ไมครอน จึงสามารถตรวจสอบรถได้หลากหลาย พร้อมกับความแม่นยำ เช่น
                        -ตรวจสอบสีของรถเต็นท์ รถบ้านที่มีอุบัติเหตุหรือชนได้ความแม่นยำ 99.97%
                        -ตรวจสอบรถใหม่ป้ายแดงออกห้างได้ความแม่นยำ 99.97% ซึ่งระบบการเคาะโดยใช้ประสาทสัมผัสหูของช่างผู้ชำนาญให้ผลแม่นยำเพียง 60-70%

            บริการนี้อ้างว่า คิดบริการเช่าเป็นรายวัน เฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล และรับประกันความพอใจยินดีคืนเงินเต็มจำนวนหากพบความผิดปกติที่เกิดจากการวัดของเครื่อง ซึ่งผ่านการสอบเทียบสม่ำเสมอแต่จะเป็นอย่างไรนั้นขอให้หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นการค้าไปเสียนี่ แต่อย่างไรก็ควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเอง ตอนที่ 2

rutchapong  |  at   16:57


สังเกตเส้นของตัวรถ
รถหลายยี่ห้อ หลายรุ่นมักจะมีเส้นสายทั้งเป็นลายสติกเกอร์ติดเอาไว้หรือเป็นเส้นของตัวรถที่นำเป็นร่อง หรือนูนออกมาโดยเฉพาะจะมองเห็นได้จากด้านข้าง

บางรุ่นบางยี่ห้อ ทำเส้นลากตั้งแต่หน้ารถไปท้ายรถ เหมือนกันทั้งฟากคนขับและคนนั่ง เมื่อไล่สายตาเทียบดู เส้นของตัวรถทั้งด้านซ้ายกับด้านขวาต้องเท่ากันและชัดเจนทั้งสองด้าน
บางเต็นท์สุกเอาเผากิน ซื้อรถที่ชนหนักมาซ่อมโดยวิธีตีเคาะเหล็กชิ้นเดิมโดยไม่เปลี่ยนเหล็กชิ้นใหม่ หากช่างไม่มีฝีมือพอ ก็จะทำให้สังเกตข้อผิดพลาดหรือข้อตำหนิได้ง่าย หลักการสังเกตแนวเส้นที่สำคัญได้แก่
-            เสาต้องได้รูปไม่บิดเบี้ยว กระจก ขอบยาง บานประตู แนบสนิทไปกับเสา หากเส้นของเสาเพี้ยนหรือคดงอ ปิดไม่สนิท ปิดไม่เหมือนบานอื่น ๆ เป็นได้ว่าที่จะถูกชนทางด้านนั้น ซึ่งกระจกอาจจะแตกทำให้ต้องเปลี่ยนกระจก
-            กระจกหน้าเป็นจุดสำคัญที่บอกได้ว่ารถเคยถูกชนมาหนักหรือไม่ ต้องดูให้รอบ ๆ กระจกว่าเส้นเพี้ยน มีความคดงอ ติดตั้งไม่สนิท หรือไม่ ต้องแนบไปเป็นแนวเดียวกับเส้นขอบหลังคา และต้องไม่มีร่องรอยยาซิลิโคนกันรั่ว
-            รถที่ผลิตออกจากโรงงานและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจะไม่มีลักษณะนี้หรือหากตรวจดูในรถแล้วพบกับเศษกระจกเป็นเศษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลงอยู่ในช่องกระจกบริเวณคอนโซลหน้า แสดงว่าช่างเก็บงานไม่เรียบร้อยหลงเหลือเศษกระจกจากการชนจนกระจกแตกไว้เป็นหลักฐาน
-            สังเกตในส่วนพลาสติกสีดำที่อยู่ระหว่างกระจกรถกับฝากระโปรงบริเวณที่ปัดน้ำฝน ว่ามีน๊อตทุกตัวหรือไม่ หากมีครบหรือแนวเส้นขอบพลาสติกดังกล่าวแนบไปกับกระจกไม่โป่งนูน หรือประกบไม่ติดแสดงว่ารถไม่เคยเปลี่ยนกระจกมาก่อน
-            ตรวจดู “ส่วนขอบ” เช่น ขอบฝากระโปรงบิดเบี้ยวหรือไม่ รูปทรงของกันชนเป็นลอนคลื่นไม่เรียบเพราะผ่านการถอดทำสีหรือซ่อมมาแล้วจนประกอบติดไม่คงที่หรือไม่

สังเกตสีของตัวรถ
            ดูว่าตรงส่วนไหน หรือบริเวณใดของตัวรถ ที่สีแตกต่างจากบริเวณอื่น เช่นมีส่วนหนึ่งที่เป็นสีด้าน แต่พื้นผิวส่วนใหญ่ของรถมีเป็นเงา แสดงว่าตรงที่มีความด้านอาจใช้สีไม่ดีในการซ่อมสี จนต่อมาสีจึงเกิดเพี้ยนขึ้นมาดังต่อไปนี้
-            การทำสีให้รถเก่าและรถที่ชนมาแล้วแลดูสวยขึ้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า “ย้อมแมว” ด้วยการสั่งให้อู่ที่ทำผสมทินเนอร์ในสีที่ใช้พ่นตัวถังรถมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแวววาว มันเงา แต่เมื่อใช้ไปได้สักพัก ประมาณ 5-6 เดือน โดยเฉพาะรถที่ต้องจอดกลางแจ้งตากแดดตากลมเป็นเวลานาน ๆ สีจะแตกลายงา ไม่สวยงามเหมือนเดิม จนทำให้เจ้าของรถมือสองต้องกลุ้มใจและหมดเงินหมดทองไปทำสีใหม่อีกครั้ง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าของเต็นท์คิดไม่ซื่อเพราะความโลภอยากให้รถสีสวยดูเหมือนใหม่ ดึงดูดใจลูกค้า จึงให้ช่างอู่ทำการย้อมแมวในราคาที่ถูกกว่าการทำสีแบบปกติ และส่วนมากมักจะนำไปจอดโชว์หน้าเต็นท์ในบริเวณที่แดดไม่จัดมาก เพราะหากจอดไว้โดนแดดสีที่ทำการย้อมแมวจะแตกลายงา เกิดปัญหาดังกล่าว
-            ในกรณีที่เป็นรถที่พ่นด้วยสีเมทัลลิก ซึ่งเป็นรถที่มีสีบรอนซ์ผสม ในการย้อมแมวหรือส่งรถที่เกิดอุบัติเหตุไปทำสีบางส่วนนั้น เป็นสิ่งที่ยากสำหรับช่างสี แม้แต่ช่างสีที่เก่ง ๆ สามารถซ่อมจนเทียบเคียงสีเดิมได้เพียง 95% เท่านั้น
หากเจ้าของรถนำไปซ่อมเองก็ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะหากใช้งานไปนาน ๆ สีก็จะกลมกลืนเนื่องจากสภาวะต่าง ๆ เช่น แสงแดด ดิน ฟ้า อากาศ ไปเอง

แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสอง นี่เป็นวิธีสังเกตได้อย่างง่าย ๆ และดีเยี่ยม เพราะจะเห็นความแตกต่างได้แม้ช่างจะมีฝีมือมากเพียงใดก็ตาม ดังนั้นจึงเตรียมรับกับสารพัดข้ออ้างของเต็นท์รถที่จะหลอกล่อคุณให้ดี

การสังเกตสีบริเวณขอบบังโคลนก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน ลองบีบดูที่ขอบบังโคลนควรมีความหนาไม่เกินกว่า 3-4 มิลลิเมตร ส่วนบังโคลนด้านในประมาณ 1.5 มิลลิเมตร หากเกินกว่านี้มาก ๆ แสดงว่าถูกโป๊วสีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการบริการใหม่เกิดขึ้น นั่นก็คือ
บริการให้เช่าเครื่องตรวจสอบรถด้วยเครื่องตรวจวัดความหนาของสีรถยนต์ (Automotive Paint Inspection) เพื่อให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบสภาพรถยนต์ว่า ผ่านการทำสีจากการชน หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่

ในการตรวจสอบนี้ ร้านที่ดำเนินงานจะใช้เครื่อง Coating Thickness Gauge ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดค่าความหนาของสีที่พ่นกับผิวเหล็ก การตรวจสอบจะครอบคลุมเฉพาะตัวถังภายในและนอกทุกจุดที่เป็นเหล็กเท่านั้น โดยมีการอ้างอิงว่า โดยปกติรถยนต์ที่ออกจากโรงงานผลิตความหนามีมาตรฐานที่พ่นจะมีค่าระหว่าง 100-120 ไมครอน จึงสามารถตรวจสอบรถได้หลากหลาย พร้อมกับความแม่นยำ เช่น
                        -ตรวจสอบสีของรถเต็นท์ รถบ้านที่มีอุบัติเหตุหรือชนได้ความแม่นยำ 99.97%
                        -ตรวจสอบรถใหม่ป้ายแดงออกห้างได้ความแม่นยำ 99.97% ซึ่งระบบการเคาะโดยใช้ประสาทสัมผัสหูของช่างผู้ชำนาญให้ผลแม่นยำเพียง 60-70%

            บริการนี้อ้างว่า คิดบริการเช่าเป็นรายวัน เฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล และรับประกันความพอใจยินดีคืนเงินเต็มจำนวนหากพบความผิดปกติที่เกิดจากการวัดของเครื่อง ซึ่งผ่านการสอบเทียบสม่ำเสมอแต่จะเป็นอย่างไรนั้นขอให้หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นการค้าไปเสียนี่ แต่อย่างไรก็ควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเต็นท์

            เมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถมือสองไปแล้ว หากได้รถที่ดี ก็จะเป็นมือเป็นเท้า เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นเพื่อนคู่ใจ เป็นเพื่อนอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้ แต่จริง ๆ แล้การที่คนซื้อจะได้รถที่ถูกใจจริง ๆ นั้นหายากมาก ๆ แม้ตอนแรกที่ซื้อไปสักสองสามอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือน อาจจะยังชอบอยู่ เพราะยังไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อผ่านสองเดือนซึ่งพ้นระยะประกันของรถมือสองส่วนมากไปแล้ว และปัญหาต่าง ๆ ค่อย ๆ โผล่ทีนี้ล่ะความทุกข์จะมาเยือน


เรื่องอย่างนี้ว่ากันไม่ได้ เพราะคนที่ว่าชำนาญจริง ๆ ก็ยังแพ้เล่ห์เหลี่ยม การย้อมแมว และการปกปิดของเจ้าของเต็นท์เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านี้รอบจัดกว่า ต้องรู้เยอะกว่าคนธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถ “เอารถที่ชนยับทั้งคัน” มาซ่อมแล้วย้อมแมวขายได้หรอก หนทางที่ดีที่สุดคือการที่คุณต้องปกป้องสิทธิ์ของคุณเป็นอับดับแรก ด้วยการรู้ทันกลยุทธ์การหมกเม็ด หรือกลยุทธ์การย้อมแมว ที่คุณจะสามารถนำไปศึกษา และจำไปใช้กับตัวเองในการดูรถมือสองได้ดังต่อไปนี้

ตรวจเช็กโครงสร้างของรถมือสอง ด้วยการสังเกต
เป็นการเช็ก หรือตรวจสอบลักษณะโครงสร้าง ตัวถัง ลักษณะภายนอกของรถซึ่งสัมพันธ์กับการชนหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วโดยเฉพาะรถที่พลิกคว่ำว่า นอกจาโครงสร้างของรถยนต์และจุดศูนย์ถ่วงหรือที่เราเรียกกันว่าค่าซีจี (CG : Center of Gravity) จะเสียศูนย์ไป ทำให้ไม่สามารถบังคบรถให้อยู่ในทิศทางตรงได้แล้ว ยังทำให้ความรู้สึกในการขับขี่เสียไปอีกด้วย เพราะจะให้ช่างเทวดามารวมตัวกันก็ไม่สามารถทำความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาได้ ดังนั้นหากลูกค้าซื้อรถมือสองไปแล้วและมารู้ทีหลังว่าเคยผ่านอุบัติเหตุแรง ๆ มาก่อน ก็จะยิ่งเสียความรู้สึกมาก

ดังนั้นในขั้นต้น การพิจารณาได้ด้วยสายตาจึงเป็นการตรวจเช็กที่ง่ายที่สุด เพียงแค่รู้จุดที่จะต้องเช็กและต้องใช้การเปรียบเทียบ รวมถึงความละเอียดอ่อน เพราะหากรถผ่านการชนแรง เกิดอุบัติเหตุหนัก ๆ มาแล้ว แม้จะใช้ช่างมือเทวดาขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะซ่อมได้เหมือนก่อนชน เพราะช่องไฟของรอยต่อ ระยะห่างระหว่างร่องรอยเส้นของตัวรถคือสิ่งที่ละเอียด หากลูกค้าไม่มีความรู้หรือไม่สังเกตเห็นความแตกต่างก็จะไม่รู้ว่ารถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่สิ่งที่คุณจะสังเกตได้โดยง่ายนั้น มีดังต่อไปนี้

ระวังเรื่องโครงสร้างที่ผ่านการชนยับ ที่นำมาเชื่อมต่อกับรถคันอื่น
รถเก๋งจะใช้โครงสร้างแบบโมโนคล็อค ซึ่งผนังหรือเหล็กทุกชิ้นที่ขึ้นรูปเป็นตัวถังจะมีส่วนในการรับน้ำหนักหรือต้านทานแรงบิด หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดรูปไปจากเดิม ย่อมส่งผลถึงความปลอดภัยและสมรรถนะ สิ่งที่สำคัญคือควรระวังรถพังยับแล้วเอามาเชื่อมต่อกัน ให้สังเกตว่ามีรอยเชื่อมต่อ เกย จากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหรือไม่ เพราะหากเป็นอย่างนั้นแสดงว่ารถคันนี้มีสิทธิ์ที่จะเป็นรถตัดต่อแบบครึ่งคันอันตรายอย่างมาก รวมถึงการเปิดใต้พรมออกมาดูว่ามีรอยเชื่อมหรือไม่ หากตะเข็บเรียบตรงเสมอกันทั้ง 2 ด้าน ก็แสดงว่าไม่มีการชนหรือพลิกคว่ำและไม่มีการทำสีทับ

รถที่ผ่านการเชื่อมต่อ หมายถึง รถใหม่ที่ผ่านการชนหนักมามาก ๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหน้าพังยับ แต่ช่วงหลังคนขับไปถึงท้ายรถไม่เป็นอะไรมาก หรือข้างหลังพังยับแต่ข้างหน้าซ่อมแซมแค่เพียงเล็กน้อย เมื่อเป็นดังนี้ประกันจะจ่ายเงินให้เจ้าของรถ จากนั้นจะนำรถคันนั้นไปขายต่อให้กับร้านค้าหรือบริษัทที่รับซื้อซากรถ รับซื้อรถอุบัติเหตุเพื่อนำไปซ่อมแซมแล้วย้อมแมวขายใหม่อีกครั้ง ดังนั้นรถเชื่อต่อจึงเป็นรถที่มาจากคนละคัน

แต่รถประเภทนี้ จะสังเกตได้ง่ายหากช่างฝีมือไม่ดีพอ แค่ยืนมองไกล ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นทรงรถที่เสียไป ดังนั้นเล่ห์ของเต็นท์รถจึงไม่เอาออกมาจอดขายหน้าเต็นท์ แต่จะปลอมเป็นรถบ้านขับไปขับมาให้ฝุ่นจับเพื่อพรางรถและอ้างว่าเป็นรถบ้านฝากมาขายและยังไม่ได้ทำความสะอาด จนทำให้คนซื้อคิดว่าเป็นรถบ้านจริง ๆ จึงตกเป็นเหยื่อไปก็มาก จึงควรระวังเอาไว้ให้ดีเพราะจะดูยากและดูเหมือนรถใหม่ และไม่เป็นมงคลกับผู้ซื้ออย่างแน่นอน เพราะบางทีอาจมีแถมผีมาให้ด้วยนะ แต่คนเรานี่แย่กว่าผีจริง ๆ นะ

สังเกตระยะห่าง ช่องไฟ ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่รวมกันเป็นตัวรถ
เป็นการตรวจสอบว่า รถมีการชนมาแล้วหรือไม่ ชนหนักหรือน้อย เพราะรถที่ผ่านการชนมาแล้ว รอยต่อ ระยะห่าง หรือช่องไฟของรถจะผิดเพี้ยน เกิดเส้นไม่เท่ากัน เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีช่างมือเทวดาคนใด ที่จะเคาะ ปะ ผุ หรือโป๊วสีให้รถกลับคืนดังเดิมได้เหมือนรถใหม่ หรืออย่างดีที่สุดก็ทำได้แค่ใกล้เคียงกับก่อนจะเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเท่านั้น

เหมือนกับการที่คุณถอดหน้ากากโทรศัพท์มือถือที่ตกแตก ออกมาซ่อมแล้วประกอบกลับไปดังเดิม ก็ไม่มีทางที่จะประกอบติดได้อย่างเรียบร้อยเหมือนก่อนทำตก ซึ่งจะเกิดช่องว่างหรือเส้นสายโครงสร้างของโทรศัพท์ที่ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยากกว่าการสังเกตว่าสภาพภายในรถ พรม เบาะ ผ่านการฟอกทำความสะอาด กำจัดกลิ่นหรือไม่ เพราะตะเข็บตามเบาะต่าง ๆ ไม่ปริแตก

จึงจำเป็นต้องใช้สายตาสังเกตให้ดี ๆ ด้วยวิธีการเปรียบเทียบด้านซ้าย-ขวา  ล่าง-บน หรือระยะห่างที่เหมาะสม หรือเท่ากัน ระหว่างการเชื่อมต่อของส่วนประกอบว่าช่องว่างเป็นธรรมชาติหรือผิดปกติ ถ้าแตกต่างอย่างชัดเจน หรือคล้ายประกบกันไม่ติดเหมือนดังที่ยกตัวอย่างเรื่องโทรศัพท์มือถือ ก็แสดงว่าอาจจะผ่านการซ่อมเพราะเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว โดยวิธีการต่อไปนี้ พิสูจน์มาแล้วได้ผลชัดเจน

เริ่มด้วยการเปรียบเทียบช่องไฟซ้ายขวา หรือระยะห่าง เป็นอย่างไร ผิดปกติหรือไม่ จากนั้นพิจารณาในส่วนอื่น ๆ เช่น
-            ช่องไฟต่าง ๆ ระยะห่างของกันชนกับไฟหน้า หน้ากาก ฝากระโปรง ขอบสันฝากระโปรง กันชนต้องไม่บิดเบี้ยว ในส่วนนี้ดูไม่ยากเพราะกันชนรถและบังโคลนรถส่วนมากไม่ใช่โลหะ จึงยากที่จะปกปิดร่องรอย
-            ริ้วรอยตามมุมซ้าย ขวา ด้านหน้ารถบริเวณมุมไฟทั้ง 2 ด้าน ก็ต้องมีบ้างเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย หรือมีรอยขีดข่วน ไม่ต้องเครียดเกินไป แต่ถ้าหากมีช่องว่างตรงมุมซ้าย-ขวา ที่เทียบด้วยตาแล้วเห็นว่าผิดปกติ ด้านหนึ่งต่างจากอีกด้านหนึ่ง ด้านหนึ่งเข้าที่ แต่อีกด้านไม่เข้าที่ หรือไม่สามารถประกอบให้สนิทได้ แสดงว่าอาจจะผ่านการชนมาแล้ว
-            ระยะห่างของฝากระโปรงและขอบบังโคลนส่วนมากระยะห่างจะอยู่ประมาณ 4-6 มิลลิเมตรโดยเฉลี่ย ซึ่งระยะห่างควรเท่ากันตลอด หากระยะห่างคลาดเคลื่อนเล็กน้อยทุกด้าน อาจจะเป็นได้ว่าเคยถอดฝากระโปรงมาพ่นหรือถอดเพื่อยกเครื่อง
-            ระยะห่างของประตูหน้าและประตูหลัง ต้องสังเกตคิ้วประตูว่าติดมาตรงได้ระดับหรือไม่ หากติดเบี้ยว แสดงว่าอาจเคยเคาะหรือทำสีมาแล้ว
-            ประตูต้องไม่มีรอยงัดแงะ เพราะถ้ามีอาจถูแกะออกไปเพื่อทำสี
-            เสาหลังต้องได้รูป โค้งได้รูป
-            ขอบกระจก ขอบยางต้องแนบสนิท
-            ดูช่องว่าง ระยะห่าง และการปิดฝากระโปรงหน้าและหลังว่า ลงตรงช่องหรือลงตัวหรือไม่ ด้วยการดูน๊อตที่ใช้ว่าสีเดียวกัน เบอร์เดียวกันหรือไม่ เพราะหารถที่ไม่เกิดอุบัติเหตุไม่ผ่านการแก้ไขดัดแปลง หรือไม่เคยประสบอุบัติเหตุตรงส่วนนั้น น๊อตจะไม่แตกต่างกัน มีลักษณะสีขนาดและเบอร์เดียวกัน
-            ในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ซึ่งรถส่วนมากจะเก็บยางอะไหล่เอาไว้ในหลุมที่ทำเอาไว้เป็นบล็อกเฉพาะเพื่อเก็บยางอะไหล่ ลองสังเกตดูว่ามีรอยบุบบู้บี้หรือไม่ เพราะรถที่โดนชนจากด้านหลังหรือประสบอุบัติเหตุจากด้านหลังแรง ๆ จะต้องทำการเคาะ ปะ ผุ ให้กลับคืนสภาพเดิมแต่ช่างส่วนใหญ่ ไม่ค่อยใส่ใจในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ เพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของรถที่ซ่อม จะละเอียดถึงกับขนาดดูความเรียบร้อยของงานในบริเวณที่เก็บยางอะไหล่ จึงทำให้คนที่ซื้อรถมือสองพลาดไปในส่วนนี้ก็เยอะและมาช้ำใจในภายหลังว่าเสียรู้
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเอง ตอนที่ 1

rutchapong  |  at   16:55

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเต็นท์

            เมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถมือสองไปแล้ว หากได้รถที่ดี ก็จะเป็นมือเป็นเท้า เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นเพื่อนคู่ใจ เป็นเพื่อนอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้ แต่จริง ๆ แล้การที่คนซื้อจะได้รถที่ถูกใจจริง ๆ นั้นหายากมาก ๆ แม้ตอนแรกที่ซื้อไปสักสองสามอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือน อาจจะยังชอบอยู่ เพราะยังไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อผ่านสองเดือนซึ่งพ้นระยะประกันของรถมือสองส่วนมากไปแล้ว และปัญหาต่าง ๆ ค่อย ๆ โผล่ทีนี้ล่ะความทุกข์จะมาเยือน


เรื่องอย่างนี้ว่ากันไม่ได้ เพราะคนที่ว่าชำนาญจริง ๆ ก็ยังแพ้เล่ห์เหลี่ยม การย้อมแมว และการปกปิดของเจ้าของเต็นท์เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านี้รอบจัดกว่า ต้องรู้เยอะกว่าคนธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถ “เอารถที่ชนยับทั้งคัน” มาซ่อมแล้วย้อมแมวขายได้หรอก หนทางที่ดีที่สุดคือการที่คุณต้องปกป้องสิทธิ์ของคุณเป็นอับดับแรก ด้วยการรู้ทันกลยุทธ์การหมกเม็ด หรือกลยุทธ์การย้อมแมว ที่คุณจะสามารถนำไปศึกษา และจำไปใช้กับตัวเองในการดูรถมือสองได้ดังต่อไปนี้

ตรวจเช็กโครงสร้างของรถมือสอง ด้วยการสังเกต
เป็นการเช็ก หรือตรวจสอบลักษณะโครงสร้าง ตัวถัง ลักษณะภายนอกของรถซึ่งสัมพันธ์กับการชนหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วโดยเฉพาะรถที่พลิกคว่ำว่า นอกจาโครงสร้างของรถยนต์และจุดศูนย์ถ่วงหรือที่เราเรียกกันว่าค่าซีจี (CG : Center of Gravity) จะเสียศูนย์ไป ทำให้ไม่สามารถบังคบรถให้อยู่ในทิศทางตรงได้แล้ว ยังทำให้ความรู้สึกในการขับขี่เสียไปอีกด้วย เพราะจะให้ช่างเทวดามารวมตัวกันก็ไม่สามารถทำความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาได้ ดังนั้นหากลูกค้าซื้อรถมือสองไปแล้วและมารู้ทีหลังว่าเคยผ่านอุบัติเหตุแรง ๆ มาก่อน ก็จะยิ่งเสียความรู้สึกมาก

ดังนั้นในขั้นต้น การพิจารณาได้ด้วยสายตาจึงเป็นการตรวจเช็กที่ง่ายที่สุด เพียงแค่รู้จุดที่จะต้องเช็กและต้องใช้การเปรียบเทียบ รวมถึงความละเอียดอ่อน เพราะหากรถผ่านการชนแรง เกิดอุบัติเหตุหนัก ๆ มาแล้ว แม้จะใช้ช่างมือเทวดาขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะซ่อมได้เหมือนก่อนชน เพราะช่องไฟของรอยต่อ ระยะห่างระหว่างร่องรอยเส้นของตัวรถคือสิ่งที่ละเอียด หากลูกค้าไม่มีความรู้หรือไม่สังเกตเห็นความแตกต่างก็จะไม่รู้ว่ารถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่สิ่งที่คุณจะสังเกตได้โดยง่ายนั้น มีดังต่อไปนี้

ระวังเรื่องโครงสร้างที่ผ่านการชนยับ ที่นำมาเชื่อมต่อกับรถคันอื่น
รถเก๋งจะใช้โครงสร้างแบบโมโนคล็อค ซึ่งผนังหรือเหล็กทุกชิ้นที่ขึ้นรูปเป็นตัวถังจะมีส่วนในการรับน้ำหนักหรือต้านทานแรงบิด หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดรูปไปจากเดิม ย่อมส่งผลถึงความปลอดภัยและสมรรถนะ สิ่งที่สำคัญคือควรระวังรถพังยับแล้วเอามาเชื่อมต่อกัน ให้สังเกตว่ามีรอยเชื่อมต่อ เกย จากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหรือไม่ เพราะหากเป็นอย่างนั้นแสดงว่ารถคันนี้มีสิทธิ์ที่จะเป็นรถตัดต่อแบบครึ่งคันอันตรายอย่างมาก รวมถึงการเปิดใต้พรมออกมาดูว่ามีรอยเชื่อมหรือไม่ หากตะเข็บเรียบตรงเสมอกันทั้ง 2 ด้าน ก็แสดงว่าไม่มีการชนหรือพลิกคว่ำและไม่มีการทำสีทับ

รถที่ผ่านการเชื่อมต่อ หมายถึง รถใหม่ที่ผ่านการชนหนักมามาก ๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหน้าพังยับ แต่ช่วงหลังคนขับไปถึงท้ายรถไม่เป็นอะไรมาก หรือข้างหลังพังยับแต่ข้างหน้าซ่อมแซมแค่เพียงเล็กน้อย เมื่อเป็นดังนี้ประกันจะจ่ายเงินให้เจ้าของรถ จากนั้นจะนำรถคันนั้นไปขายต่อให้กับร้านค้าหรือบริษัทที่รับซื้อซากรถ รับซื้อรถอุบัติเหตุเพื่อนำไปซ่อมแซมแล้วย้อมแมวขายใหม่อีกครั้ง ดังนั้นรถเชื่อต่อจึงเป็นรถที่มาจากคนละคัน

แต่รถประเภทนี้ จะสังเกตได้ง่ายหากช่างฝีมือไม่ดีพอ แค่ยืนมองไกล ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นทรงรถที่เสียไป ดังนั้นเล่ห์ของเต็นท์รถจึงไม่เอาออกมาจอดขายหน้าเต็นท์ แต่จะปลอมเป็นรถบ้านขับไปขับมาให้ฝุ่นจับเพื่อพรางรถและอ้างว่าเป็นรถบ้านฝากมาขายและยังไม่ได้ทำความสะอาด จนทำให้คนซื้อคิดว่าเป็นรถบ้านจริง ๆ จึงตกเป็นเหยื่อไปก็มาก จึงควรระวังเอาไว้ให้ดีเพราะจะดูยากและดูเหมือนรถใหม่ และไม่เป็นมงคลกับผู้ซื้ออย่างแน่นอน เพราะบางทีอาจมีแถมผีมาให้ด้วยนะ แต่คนเรานี่แย่กว่าผีจริง ๆ นะ

สังเกตระยะห่าง ช่องไฟ ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่รวมกันเป็นตัวรถ
เป็นการตรวจสอบว่า รถมีการชนมาแล้วหรือไม่ ชนหนักหรือน้อย เพราะรถที่ผ่านการชนมาแล้ว รอยต่อ ระยะห่าง หรือช่องไฟของรถจะผิดเพี้ยน เกิดเส้นไม่เท่ากัน เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีช่างมือเทวดาคนใด ที่จะเคาะ ปะ ผุ หรือโป๊วสีให้รถกลับคืนดังเดิมได้เหมือนรถใหม่ หรืออย่างดีที่สุดก็ทำได้แค่ใกล้เคียงกับก่อนจะเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเท่านั้น

เหมือนกับการที่คุณถอดหน้ากากโทรศัพท์มือถือที่ตกแตก ออกมาซ่อมแล้วประกอบกลับไปดังเดิม ก็ไม่มีทางที่จะประกอบติดได้อย่างเรียบร้อยเหมือนก่อนทำตก ซึ่งจะเกิดช่องว่างหรือเส้นสายโครงสร้างของโทรศัพท์ที่ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยากกว่าการสังเกตว่าสภาพภายในรถ พรม เบาะ ผ่านการฟอกทำความสะอาด กำจัดกลิ่นหรือไม่ เพราะตะเข็บตามเบาะต่าง ๆ ไม่ปริแตก

จึงจำเป็นต้องใช้สายตาสังเกตให้ดี ๆ ด้วยวิธีการเปรียบเทียบด้านซ้าย-ขวา  ล่าง-บน หรือระยะห่างที่เหมาะสม หรือเท่ากัน ระหว่างการเชื่อมต่อของส่วนประกอบว่าช่องว่างเป็นธรรมชาติหรือผิดปกติ ถ้าแตกต่างอย่างชัดเจน หรือคล้ายประกบกันไม่ติดเหมือนดังที่ยกตัวอย่างเรื่องโทรศัพท์มือถือ ก็แสดงว่าอาจจะผ่านการซ่อมเพราะเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว โดยวิธีการต่อไปนี้ พิสูจน์มาแล้วได้ผลชัดเจน

เริ่มด้วยการเปรียบเทียบช่องไฟซ้ายขวา หรือระยะห่าง เป็นอย่างไร ผิดปกติหรือไม่ จากนั้นพิจารณาในส่วนอื่น ๆ เช่น
-            ช่องไฟต่าง ๆ ระยะห่างของกันชนกับไฟหน้า หน้ากาก ฝากระโปรง ขอบสันฝากระโปรง กันชนต้องไม่บิดเบี้ยว ในส่วนนี้ดูไม่ยากเพราะกันชนรถและบังโคลนรถส่วนมากไม่ใช่โลหะ จึงยากที่จะปกปิดร่องรอย
-            ริ้วรอยตามมุมซ้าย ขวา ด้านหน้ารถบริเวณมุมไฟทั้ง 2 ด้าน ก็ต้องมีบ้างเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย หรือมีรอยขีดข่วน ไม่ต้องเครียดเกินไป แต่ถ้าหากมีช่องว่างตรงมุมซ้าย-ขวา ที่เทียบด้วยตาแล้วเห็นว่าผิดปกติ ด้านหนึ่งต่างจากอีกด้านหนึ่ง ด้านหนึ่งเข้าที่ แต่อีกด้านไม่เข้าที่ หรือไม่สามารถประกอบให้สนิทได้ แสดงว่าอาจจะผ่านการชนมาแล้ว
-            ระยะห่างของฝากระโปรงและขอบบังโคลนส่วนมากระยะห่างจะอยู่ประมาณ 4-6 มิลลิเมตรโดยเฉลี่ย ซึ่งระยะห่างควรเท่ากันตลอด หากระยะห่างคลาดเคลื่อนเล็กน้อยทุกด้าน อาจจะเป็นได้ว่าเคยถอดฝากระโปรงมาพ่นหรือถอดเพื่อยกเครื่อง
-            ระยะห่างของประตูหน้าและประตูหลัง ต้องสังเกตคิ้วประตูว่าติดมาตรงได้ระดับหรือไม่ หากติดเบี้ยว แสดงว่าอาจเคยเคาะหรือทำสีมาแล้ว
-            ประตูต้องไม่มีรอยงัดแงะ เพราะถ้ามีอาจถูแกะออกไปเพื่อทำสี
-            เสาหลังต้องได้รูป โค้งได้รูป
-            ขอบกระจก ขอบยางต้องแนบสนิท
-            ดูช่องว่าง ระยะห่าง และการปิดฝากระโปรงหน้าและหลังว่า ลงตรงช่องหรือลงตัวหรือไม่ ด้วยการดูน๊อตที่ใช้ว่าสีเดียวกัน เบอร์เดียวกันหรือไม่ เพราะหารถที่ไม่เกิดอุบัติเหตุไม่ผ่านการแก้ไขดัดแปลง หรือไม่เคยประสบอุบัติเหตุตรงส่วนนั้น น๊อตจะไม่แตกต่างกัน มีลักษณะสีขนาดและเบอร์เดียวกัน
-            ในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ซึ่งรถส่วนมากจะเก็บยางอะไหล่เอาไว้ในหลุมที่ทำเอาไว้เป็นบล็อกเฉพาะเพื่อเก็บยางอะไหล่ ลองสังเกตดูว่ามีรอยบุบบู้บี้หรือไม่ เพราะรถที่โดนชนจากด้านหลังหรือประสบอุบัติเหตุจากด้านหลังแรง ๆ จะต้องทำการเคาะ ปะ ผุ ให้กลับคืนสภาพเดิมแต่ช่างส่วนใหญ่ ไม่ค่อยใส่ใจในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ เพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของรถที่ซ่อม จะละเอียดถึงกับขนาดดูความเรียบร้อยของงานในบริเวณที่เก็บยางอะไหล่ จึงทำให้คนที่ซื้อรถมือสองพลาดไปในส่วนนี้ก็เยอะและมาช้ำใจในภายหลังว่าเสียรู้


การสังเกตเส้นของตัวรถ
รถหลายยี่ห้อ หลายรุ่นมักจะมีเส้นสายทั้งเป็นลายสติ๊กเกอร์ติดเอาไว้หรือเป็นเส้นของตัวรถที่นำเป็นร่อง หรือนูนออกมาโดยเฉพาะจะมองเห็นได้จากด้านข้าง
บางรุ่นบางยี่ห้อ ทำเส้นลากตั้งแต่หน้ารถไปท้ายรถ เหมือนกันทั้งฟากคนขับและคนนั่ง เมื่อไล่สายตาเทียบดู เส้นของตัวรถทั้งด้านซ้ายกับด้านขวาต้องเท่ากันและชัดเจนทั้งสองด้าน
บางเต็นท์สุกเอาเผากิน ซื้อรถที่ชนหนักมาซ่อมโดยวิธีตีเคาะเหล็กชิ้นเดิมโดยไม่เปลี่ยนเหล็กชิ้นใหม่ หากช่างไม่มีฝีมือพอ ก็จะทำให้สังเกตข้อผิดพลาดหรือข้อตำหนิได้ง่าย หลักการสังเกตแนวเส้นที่สำคัญได้แก่
-            เสาต้องได้รูปไม่บิดเบี้ยว กระจก ขอบยาง บานประตู แนบสนิทไปกับเสา หากเส้นของเสาเพี้ยนหรือคดงอ ปิดไม่สนิท ปิดไม่เหมือนบานอื่น ๆ เป็นได้ว่าที่จะถูกชนทางด้านนั้น ซึ่งกระจกอาจจะแตกทำให้ต้องเปลี่ยนกระจก
-            กระจกหน้าเป็นจุดสำคัญที่บอกได้ว่ารถเคยถูกชนมาหนักหรือไม่ ต้องดูให้รอบ ๆ กระจกว่าเส้นเพี้ยน มีความคดงอ ติดตั้งไม่สนิท หรือไม่ ต้องแนบไปเป็นแนวเดียวกับเส้นขอบหลังคา และต้องไม่มีร่องรอยยาซิลิโคนกันรั่ว
-            รถที่ผลิตออกจากโรงงานและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจะไม่มีลักษณะนี้หรือหากตรวจดูในรถแล้วพบกับเศษกระจกเป็นเศษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลงอยู่ในช่องกระจกบริเวณคอนโซลหน้า แสดงว่าช่างเก็บงานไม่เรียบร้อยหลงเหลือเศษกระจกจากการชนจนกระจกแตกไว้เป็นหลักฐาน
-            สังเกตในส่วนพลาสติกสีดำที่อยู่ระหว่างกระจกรถกับฝากระโปรงบริเวณที่ปัดน้ำฝน ว่ามีน๊อตทุกตัวหรือไม่ หากมีครบหรือแนวเส้นขอบพลาสติกดังกล่าวแนบไปกับกระจกไม่โป่งนูน หรือประกบไม่ติดแสดงว่ารถไม่เคยเปลี่ยนกระจกมาก่อน
-            ตรวจดู “ส่วนขอบ” เช่น ขอบฝากระโปรงบิดเบี้ยวหรือไม่ รูปทรงของกันชนเป็นลอนคลื่นไม่เรียบเพราะผ่านการถอดทำสีหรือซ่อมมาแล้วจนประกอบติดไม่คงที่หรือไม่

สังเกตสีของตัวรถ
            ดูว่าตรงส่วนไหน หรือบริเวณใดของตัวรถ ที่สีแตกต่างจากบริเวณอื่น เช่นมีส่วนหนึ่งที่เป็นสีด้าน แต่พื้นผิวส่วนใหญ่ของรถมีเป็นเงา แสดงว่าตรงที่มีความด้านอาจใช้สีไม่ดีในการซ่อมสี จนต่อมาสีจึงเกิดเพี้ยนขึ้นมาดังต่อไปนี้
-            การทำสีให้รถเก่าและรถที่ชนมาแล้วแลดูสวยขึ้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า “ย้อมแมว” ด้วยการสั่งให้อู่ที่ทำผสมทินเนอร์ในสีที่ใช้พ่นตัวถังรถมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแวววาว มันเงา แต่เมื่อใช้ไปได้สักพัก ประมาณ 5-6 เดือน โดยเฉพาะรถที่ต้องจอดกลางแจ้งตากแดดตากลมเป็นเวลานาน ๆ สีจะแตกลายงา ไม่สวยงามเหมือนเดิม จนทำให้เจ้าของรถมือสองต้องกลุ้มใจและหมดเงินหมดทองไปทำสีใหม่อีกครั้ง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าของเต็นท์คิดไม่ซื่อเพราะความโลภอยากให้รถสีสวยดูเหมือนใหม่ ดึงดูดใจลูกค้า จึงให้ช่างอู่ทำการย้อมแมวในราคาที่ถูกกว่าการทำสีแบบปกติ และส่วนมากมักจะนำไปจอดโชว์หน้าเต็นท์ในบริเวณที่แดดไม่จัดมาก เพราะหากจอดไว้โดนแดดสีที่ทำการย้อมแมวจะแตกลายงา เกิดปัญหาดังกล่าว
-            ในกรณีที่เป็นรถที่พ่นด้วยสีเมทัลลิก ซึ่งเป็นรถที่มีสีบรอนซ์ผสม ในการย้อมแมวหรือส่งรถที่เกิดอุบัติเหตุไปทำสีบางส่วนนั้น เป็นสิ่งที่ยากสำหรับช่างสี แม้แต่ช่างสีที่เก่ง ๆ สามารถซ่อมจนเทียบเคียงสีเดิมได้เพียง 95% เท่านั้น
หากเจ้าของรถนำไปซ่อมเองก็ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะหากใช้งานไปนาน ๆ สีก็จะกลมกลืนเนื่องจากสภาวะต่าง ๆ เช่น แสงแดด ดิน ฟ้า อากาศ ไปเอง
แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสอง นี่เป็นวิธีสังเกตได้อย่างง่าย ๆ และดีเยี่ยม เพราะจะเห็นความแตกต่างได้แม้ช่างจะมีฝีมือมากเพียงใดก็ตาม ดังนั้นจึงเตรียมรับกับสารพัดข้ออ้างของเต็นท์รถที่จะหลอกล่อคุณให้ดี
การสังเกตสีบริเวณขอบบังโคลนก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน ลองบีบดูที่ขอบบังโคลนควรมีความหนาไม่เกินกว่า 3-4 มิลลิเมตร ส่วนบังโคลนด้านในประมาณ 1.5 มิลลิเมตร หากเกินกว่านี้มาก ๆ แสดงว่าถูกโป๊วสีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการบริการใหม่เกิดขึ้น นั่นก็คือ
บริการให้เช่าเครื่องตรวจสอบรถด้วยเครื่องตรวจวัดความหนาของสีรถยนต์ (Automotive Paint Inspection) เพื่อให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบสภาพรถยนต์ว่า ผ่านการทำสีจากการชน หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่
ในการตรวจสอบนี้ ร้านที่ดำเนินงานจะใช้เครื่อง Coating Thickness Gauge ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดค่าความหนาของสีที่พ่นกับผิวเหล็ก การตรวจสอบจะครอบคลุมเฉพาะตัวถังภายในและนอกทุกจุดที่เป็นเหล็กเท่านั้น
โดยมีการอ้างอิงว่า โดยปกติรถยนต์ที่ออกจากโรงงานผลิตความหนามีมาตรฐานที่พ่นจะมีค่าระหว่าง 100-120 ไมครอน จึงสามารถตรวจสอบรถได้หลากหลาย พร้อมกับความแม่นยำ เช่น
                        -ตรวจสอบสีของรถเต็นท์ รถบ้านที่มีอุบัติเหตุหรือชนได้ความแม่นยำ 99.97%
                        -ตรวจสอบรถใหม่ป้ายแดงออกห้างได้ความแม่นยำ 99.97% ซึ่งระบบการเคาะโดยใช้ประสาทสัมผัสหูของช่างผู้ชำนาญให้ผลแม่นยำเพียง 60-70%

            บริการนี้อ้างว่า คิดบริการเช่าเป็นรายวัน เฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล และรับประกันความพอใจยินดีคืนเงินเต็มจำนวนหากพบความผิดปกติที่เกิดจากการวัดของเครื่อง ซึ่งผ่านการสอบเทียบสม่ำเสมอแต่จะเป็นอย่างไรนั้นขอให้หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นการค้าไปเสียนี่ แต่อย่างไรก็ควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเอง ตอนที่ 2 (จบ)

rutchapong  |  at   06:32


การสังเกตเส้นของตัวรถ
รถหลายยี่ห้อ หลายรุ่นมักจะมีเส้นสายทั้งเป็นลายสติ๊กเกอร์ติดเอาไว้หรือเป็นเส้นของตัวรถที่นำเป็นร่อง หรือนูนออกมาโดยเฉพาะจะมองเห็นได้จากด้านข้าง
บางรุ่นบางยี่ห้อ ทำเส้นลากตั้งแต่หน้ารถไปท้ายรถ เหมือนกันทั้งฟากคนขับและคนนั่ง เมื่อไล่สายตาเทียบดู เส้นของตัวรถทั้งด้านซ้ายกับด้านขวาต้องเท่ากันและชัดเจนทั้งสองด้าน
บางเต็นท์สุกเอาเผากิน ซื้อรถที่ชนหนักมาซ่อมโดยวิธีตีเคาะเหล็กชิ้นเดิมโดยไม่เปลี่ยนเหล็กชิ้นใหม่ หากช่างไม่มีฝีมือพอ ก็จะทำให้สังเกตข้อผิดพลาดหรือข้อตำหนิได้ง่าย หลักการสังเกตแนวเส้นที่สำคัญได้แก่
-            เสาต้องได้รูปไม่บิดเบี้ยว กระจก ขอบยาง บานประตู แนบสนิทไปกับเสา หากเส้นของเสาเพี้ยนหรือคดงอ ปิดไม่สนิท ปิดไม่เหมือนบานอื่น ๆ เป็นได้ว่าที่จะถูกชนทางด้านนั้น ซึ่งกระจกอาจจะแตกทำให้ต้องเปลี่ยนกระจก
-            กระจกหน้าเป็นจุดสำคัญที่บอกได้ว่ารถเคยถูกชนมาหนักหรือไม่ ต้องดูให้รอบ ๆ กระจกว่าเส้นเพี้ยน มีความคดงอ ติดตั้งไม่สนิท หรือไม่ ต้องแนบไปเป็นแนวเดียวกับเส้นขอบหลังคา และต้องไม่มีร่องรอยยาซิลิโคนกันรั่ว
-            รถที่ผลิตออกจากโรงงานและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจะไม่มีลักษณะนี้หรือหากตรวจดูในรถแล้วพบกับเศษกระจกเป็นเศษสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลงอยู่ในช่องกระจกบริเวณคอนโซลหน้า แสดงว่าช่างเก็บงานไม่เรียบร้อยหลงเหลือเศษกระจกจากการชนจนกระจกแตกไว้เป็นหลักฐาน
-            สังเกตในส่วนพลาสติกสีดำที่อยู่ระหว่างกระจกรถกับฝากระโปรงบริเวณที่ปัดน้ำฝน ว่ามีน๊อตทุกตัวหรือไม่ หากมีครบหรือแนวเส้นขอบพลาสติกดังกล่าวแนบไปกับกระจกไม่โป่งนูน หรือประกบไม่ติดแสดงว่ารถไม่เคยเปลี่ยนกระจกมาก่อน
-            ตรวจดู “ส่วนขอบ” เช่น ขอบฝากระโปรงบิดเบี้ยวหรือไม่ รูปทรงของกันชนเป็นลอนคลื่นไม่เรียบเพราะผ่านการถอดทำสีหรือซ่อมมาแล้วจนประกอบติดไม่คงที่หรือไม่

สังเกตสีของตัวรถ
            ดูว่าตรงส่วนไหน หรือบริเวณใดของตัวรถ ที่สีแตกต่างจากบริเวณอื่น เช่นมีส่วนหนึ่งที่เป็นสีด้าน แต่พื้นผิวส่วนใหญ่ของรถมีเป็นเงา แสดงว่าตรงที่มีความด้านอาจใช้สีไม่ดีในการซ่อมสี จนต่อมาสีจึงเกิดเพี้ยนขึ้นมาดังต่อไปนี้
-            การทำสีให้รถเก่าและรถที่ชนมาแล้วแลดูสวยขึ้นด้วยวิธีการที่เรียกว่า “ย้อมแมว” ด้วยการสั่งให้อู่ที่ทำผสมทินเนอร์ในสีที่ใช้พ่นตัวถังรถมาก ๆ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแวววาว มันเงา แต่เมื่อใช้ไปได้สักพัก ประมาณ 5-6 เดือน โดยเฉพาะรถที่ต้องจอดกลางแจ้งตากแดดตากลมเป็นเวลานาน ๆ สีจะแตกลายงา ไม่สวยงามเหมือนเดิม จนทำให้เจ้าของรถมือสองต้องกลุ้มใจและหมดเงินหมดทองไปทำสีใหม่อีกครั้ง
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะเจ้าของเต็นท์คิดไม่ซื่อเพราะความโลภอยากให้รถสีสวยดูเหมือนใหม่ ดึงดูดใจลูกค้า จึงให้ช่างอู่ทำการย้อมแมวในราคาที่ถูกกว่าการทำสีแบบปกติ และส่วนมากมักจะนำไปจอดโชว์หน้าเต็นท์ในบริเวณที่แดดไม่จัดมาก เพราะหากจอดไว้โดนแดดสีที่ทำการย้อมแมวจะแตกลายงา เกิดปัญหาดังกล่าว
-            ในกรณีที่เป็นรถที่พ่นด้วยสีเมทัลลิก ซึ่งเป็นรถที่มีสีบรอนซ์ผสม ในการย้อมแมวหรือส่งรถที่เกิดอุบัติเหตุไปทำสีบางส่วนนั้น เป็นสิ่งที่ยากสำหรับช่างสี แม้แต่ช่างสีที่เก่ง ๆ สามารถซ่อมจนเทียบเคียงสีเดิมได้เพียง 95% เท่านั้น
หากเจ้าของรถนำไปซ่อมเองก็ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะหากใช้งานไปนาน ๆ สีก็จะกลมกลืนเนื่องจากสภาวะต่าง ๆ เช่น แสงแดด ดิน ฟ้า อากาศ ไปเอง
แต่สำหรับผู้ที่กำลังจะซื้อรถมือสอง นี่เป็นวิธีสังเกตได้อย่างง่าย ๆ และดีเยี่ยม เพราะจะเห็นความแตกต่างได้แม้ช่างจะมีฝีมือมากเพียงใดก็ตาม ดังนั้นจึงเตรียมรับกับสารพัดข้ออ้างของเต็นท์รถที่จะหลอกล่อคุณให้ดี
การสังเกตสีบริเวณขอบบังโคลนก็มีประโยชน์ด้วยเช่นกัน ลองบีบดูที่ขอบบังโคลนควรมีความหนาไม่เกินกว่า 3-4 มิลลิเมตร ส่วนบังโคลนด้านในประมาณ 1.5 มิลลิเมตร หากเกินกว่านี้มาก ๆ แสดงว่าถูกโป๊วสีมาแล้ว
อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีการบริการใหม่เกิดขึ้น นั่นก็คือ
บริการให้เช่าเครื่องตรวจสอบรถด้วยเครื่องตรวจวัดความหนาของสีรถยนต์ (Automotive Paint Inspection) เพื่อให้ผู้ซื้อได้ตรวจสอบสภาพรถยนต์ว่า ผ่านการทำสีจากการชน หรือเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่
ในการตรวจสอบนี้ ร้านที่ดำเนินงานจะใช้เครื่อง Coating Thickness Gauge ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดค่าความหนาของสีที่พ่นกับผิวเหล็ก การตรวจสอบจะครอบคลุมเฉพาะตัวถังภายในและนอกทุกจุดที่เป็นเหล็กเท่านั้น
โดยมีการอ้างอิงว่า โดยปกติรถยนต์ที่ออกจากโรงงานผลิตความหนามีมาตรฐานที่พ่นจะมีค่าระหว่าง 100-120 ไมครอน จึงสามารถตรวจสอบรถได้หลากหลาย พร้อมกับความแม่นยำ เช่น
                        -ตรวจสอบสีของรถเต็นท์ รถบ้านที่มีอุบัติเหตุหรือชนได้ความแม่นยำ 99.97%
                        -ตรวจสอบรถใหม่ป้ายแดงออกห้างได้ความแม่นยำ 99.97% ซึ่งระบบการเคาะโดยใช้ประสาทสัมผัสหูของช่างผู้ชำนาญให้ผลแม่นยำเพียง 60-70%

            บริการนี้อ้างว่า คิดบริการเช่าเป็นรายวัน เฉพาะในกรุงเทพฯและปริมณฑล และรับประกันความพอใจยินดีคืนเงินเต็มจำนวนหากพบความผิดปกติที่เกิดจากการวัดของเครื่อง ซึ่งผ่านการสอบเทียบสม่ำเสมอแต่จะเป็นอย่างไรนั้นขอให้หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเอง เดี๋ยวจะกลายเป็นการค้าไปเสียนี่ แต่อย่างไรก็ควรใช้วิจารณญาณให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเต็นท์


            เมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถมือสองไปแล้ว หากได้รถที่ดี ก็จะเป็นมือเป็นเท้า เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นเพื่อนคู่ใจ เป็นเพื่อนอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้
แต่จริง ๆ แล้การที่คนซื้อจะได้รถที่ถูกใจจริง ๆ นั้นหายากมาก ๆ แม้ตอนแรกที่ซื้อไปสักสองสามอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือน อาจจะยังชอบอยู่ เพราะยังไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อผ่านสองเดือนซึ่งพ้นระยะประกันของรถมือสองส่วนมากไปแล้ว และปัญหาต่าง ๆ ค่อย ๆ โผล่ทีนี้ล่ะความทุกข์จะมาเยือน
เรื่องอย่างนี้ว่ากันไม่ได้ เพราะคนที่ว่าชำนาญจริง ๆ ก็ยังแพ้เล่ห์เหลี่ยม การย้อมแมว และการปกปิดของเจ้าของเต็นท์เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านี้รอบจัดกว่า ต้องรู้เยอะกว่าคนธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถ “เอารถที่ชนยับทั้งคัน” มาซ่อมแล้วย้อมแมวขายได้หรอก
หนทางที่ดีที่สุดคือการที่คุณต้องปกป้องสิทธิ์ของคุณเป็นอับดับแรก ด้วยการรู้ทันกลยุทธ์การหมกเม็ด หรือกลยุทธ์การย้อมแมว ที่คุณจะสามารถนำไปศึกษา และจำไปใช้กับตัวเองในการดูรถมือสองได้ดังต่อไปนี้

ตรวจเช็กโครงสร้างของรถมือสอง ด้วยการสังเกต
เป็นการเช็ก หรือตรวจสอบลักษณะโครงสร้าง ตัวถัง ลักษณะภายนอกของรถซึ่งสัมพันธ์กับการชนหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วโดยเฉพาะรถที่พลิกคว่ำว่า นอกจาโครงสร้างของรถยนต์และจุดศูนย์ถ่วงหรือที่เราเรียกกันว่าค่าซีจี (CG : Center of Gravity) จะเสียศูนย์ไป ทำให้ไม่สามารถบังคบรถให้อยู่ในทิศทางตรงได้แล้ว ยังทำให้ความรู้สึกในการขับขี่เสียไปอีกด้วย เพราะจะให้ช่างเทวดามารวมตัวกันก็ไม่สามารถทำความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาได้ ดังนั้นหากลูกค้าซื้อรถมือสองไปแล้วและมารู้ทีหลังว่าเคยผ่านอุบัติเหตุแรง ๆ มาก่อน ก็จะยิ่งเสียความรู้สึกมาก
ดังนั้นในขั้นต้น การพิจารณาได้ด้วยสายตาจึงเป็นการตรวจเช็กที่ง่ายที่สุด เพียงแค่รู้จุดที่จะต้องเช็กและต้องใช้การเปรียบเทียบ รวมถึงความละเอียดอ่อน เพราะหากรถผ่านการชนแรง เกิดอุบัติเหตุหนัก ๆ มาแล้ว แม้จะใช้ช่างมือเทวดาขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะซ่อมได้เหมือนก่อนชน เพราะช่องไฟของรอยต่อ ระยะห่างระหว่างร่องรอยเส้นของตัวรถคือสิ่งที่ละเอียด หากลูกค้าไม่มีความรู้หรือไม่สังเกตเห็นความแตกต่างก็จะไม่รู้ว่ารถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่สิ่งที่คุณจะสังเกตได้โดยง่ายนั้น มีดังต่อไปนี้

ระวังเรื่องโครงสร้างที่ผ่านการชนยับ ที่นำมาเชื่อมต่อกับรถคันอื่น
รถเก๋งจะใช้โครงสร้างแบบโมโนคล็อค ซึ่งผนังหรือเหล็กทุกชิ้นที่ขึ้นรูปเป็นตัวถังจะมีส่วนในการรับน้ำหนักหรือต้านทานแรงบิด หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดรูปไปจากเดิม ย่อมส่งผลถึงความปลอดภัยและสมรรถนะ
สิ่งที่สำคัญคือควรระวังรถพังยับแล้วเอามาเชื่อมต่อกัน ให้สังเกตว่ามีรอยเชื่อมต่อ เกย จากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหรือไม่ เพราะหากเป็นอย่างนั้นแสดงว่ารถคันนี้มีสิทธิ์ที่จะเป็นรถตัดต่อแบบครึ่งคันอันตรายอย่างมาก รวมถึงการเปิดใต้พรมออกมาดูว่ามีรอยเชื่อมหรือไม่ หากตะเข็บเรียบตรงเสมอกันทั้ง 2 ด้าน ก็แสดงว่าไม่มีการชนหรือพลิกคว่ำและไม่มีการทำสีทับ
รถที่ผ่านการเชื่อมต่อ หมายถึง รถใหม่ที่ผ่านการชนหนักมามาก ๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหน้าพังยับ แต่ช่วงหลังคนขับไปถึงท้ายรถไม่เป็นอะไรมาก หรือข้างหลังพังยับแต่ข้างหน้าซ่อมแซมแค่เพียงเล็กน้อย
เมื่อเป็นดังนี้ประกันจะจ่ายเงินให้เจ้าของรถ จากนั้นจะนำรถคันนั้นไปขายต่อให้กับร้านค้าหรือบริษัทที่รับซื้อซากรถ รับซื้อรถอุบัติเหตุเพื่อนำไปซ่อมแซมแล้วย้อมแมวขายใหม่อีกครั้ง ดังนั้นรถเชื่อต่อจึงเป็นรถที่มาจากคนละคัน
แต่รถประเภทนี้ จะสังเกตได้ง่ายหากช่างฝีมือไม่ดีพอ แค่ยืนมองไกล ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นทรงรถที่เสียไป ดังนั้นเล่ห์ของเต็นท์รถจึงไม่เอาออกมาจอดขายหน้าเต็นท์ แต่จะปลอมเป็นรถบ้านขับไปขับมาให้ฝุ่นจับเพื่อพรางรถและอ้างว่าเป็นรถบ้านฝากมาขายและยังไม่ได้ทำความสะอาด จนทำให้คนซื้อคิดว่าเป็นรถบ้านจริง ๆ จึงตกเป็นเหยื่อไปก็มาก
จึงควรระวังเอาไว้ให้ดีเพราะจะดูยากและดูเหมือนรถใหม่ และไม่เป็นมงคลกับผู้ซื้ออย่างแน่นอน เพราะบางทีอาจมีแถมผีมาให้ด้วยนะ แต่คนเรานี่แย่กว่าผีจริง ๆ นะ

สังเกตระยะห่าง ช่องไฟ ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่รวมกันเป็นตัวรถ
เป็นการตรวจสอบว่า รถมีการชนมาแล้วหรือไม่ ชนหนักหรือน้อย เพราะรถที่ผ่านการชนมาแล้ว รอยต่อ ระยะห่าง หรือช่องไฟของรถจะผิดเพี้ยน เกิดเส้นไม่เท่ากัน เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีช่างมือเทวดาคนใด ที่จะเคาะ ปะ ผุ หรือโป๊วสีให้รถกลับคืนดังเดิมได้เหมือนรถใหม่ หรืออย่างดีที่สุดก็ทำได้แค่ใกล้เคียงกับก่อนจะเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเท่านั้น
เหมือนกับการที่คุณถอดหน้ากากโทรศัพท์มือถือที่ตกแตก ออกมาซ่อมแล้วประกอบกลับไปดังเดิม ก็ไม่มีทางที่จะประกอบติดได้อย่างเรียบร้อยเหมือนก่อนทำตก ซึ่งจะเกิดช่องว่างหรือเส้นสายโครงสร้างของโทรศัพท์ที่ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยากกว่าการสังเกตว่าสภาพภายในรถ พรม เบาะ ผ่านการฟอกทำความสะอาด กำจัดกลิ่นหรือไม่ เพราะตะเข็บตามเบาะต่าง ๆ ไม่ปริแตก
จึงจำเป็นต้องใช้สายตาสังเกตให้ดี ๆ ด้วยวิธีการเปรียบเทียบด้านซ้าย-ขวา  ล่าง-บน หรือระยะห่างที่เหมาะสม หรือเท่ากัน ระหว่างการเชื่อมต่อของส่วนประกอบว่าช่องว่างเป็นธรรมชาติหรือผิดปกติ
ถ้าแตกต่างอย่างชัดเจน หรือคล้ายประกบกันไม่ติดเหมือนดังที่ยกตัวอย่างเรื่องโทรศัพท์มือถือ ก็แสดงว่าอาจจะผ่านการซ่อมเพราะเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว โดยวิธีการต่อไปนี้ พิสูจน์มาแล้วได้ผลชัดเจน

เริ่มด้วยการเปรียบเทียบช่องไฟซ้ายขวา หรือระยะห่าง เป็นอย่างไร ผิดปกติหรือไม่ จากนั้นพิจารณาในส่วนอื่น ๆ เช่น

-      ช่องไฟต่าง ๆ ระยะห่างของกันชนกับไฟหน้า หน้ากาก ฝากระโปรง ขอบสันฝากระโปรง กันชนต้องไม่บิดเบี้ยว ในส่วนนี้ดูไม่ยากเพราะกันชนรถและบังโคลนรถส่วนมากไม่ใช่โลหะ จึงยากที่จะปกปิดร่องรอย
-      ริ้วรอยตามมุมซ้าย ขวา ด้านหน้ารถบริเวณมุมไฟทั้ง 2 ด้าน ก็ต้องมีบ้างเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย หรือมีรอยขีดข่วน ไม่ต้องเครียดเกินไป แต่ถ้าหากมีช่องว่างตรงมุมซ้าย-ขวา ที่เทียบด้วยตาแล้วเห็นว่าผิดปกติ ด้านหนึ่งต่างจากอีกด้านหนึ่ง ด้านหนึ่งเข้าที่ แต่อีกด้านไม่เข้าที่ หรือไม่สามารถประกอบให้สนิทได้ แสดงว่าอาจจะผ่านการชนมาแล้ว
-      ระยะห่างของฝากระโปรงและขอบบังโคลนส่วนมากระยะห่างจะอยู่ประมาณ 4-6 มิลลิเมตรโดยเฉลี่ย ซึ่งระยะห่างควรเท่ากันตลอด หากระยะห่างคลาดเคลื่อนเล็กน้อยทุกด้าน อาจจะเป็นได้ว่าเคยถอดฝากระโปรงมาพ่นหรือถอดเพื่อยกเครื่อง
-      ระยะห่างของประตูหน้าและประตูหลัง ต้องสังเกตคิ้วประตูว่าติดมาตรงได้ระดับหรือไม่ หากติดเบี้ยว แสดงว่าอาจเคยเคาะหรือทำสีมาแล้ว
-      ประตูต้องไม่มีรอยงัดแงะ เพราะถ้ามีอาจถูแกะออกไปเพื่อทำสี
-      เสาหลังต้องได้รูป โค้งได้รูป
-     ขอบกระจก ขอบยางต้องแนบสนิท
-     ดูช่องว่าง ระยะห่าง และการปิดฝากระโปรงหน้าและหลังว่า ลงตรงช่องหรือลงตัวหรือไม่ ด้วยการดูน๊อตที่ใช้ว่าสีเดียวกัน เบอร์เดียวกันหรือไม่ เพราะหารถที่ไม่เกิดอุบัติเหตุไม่ผ่านการแก้ไขดัดแปลง หรือไม่เคยประสบอุบัติเหตุตรงส่วนนั้น น๊อตจะไม่แตกต่างกัน มีลักษณะสีขนาดและเบอร์เดียวกัน
-      ในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ซึ่งรถส่วนมากจะเก็บยางอะไหล่เอาไว้ในหลุมที่ทำเอาไว้เป็นบล็อกเฉพาะเพื่อเก็บยางอะไหล่ ลองสังเกตดูว่ามีรอยบุบบู้บี้หรือไม่ เพราะรถที่โดนชนจากด้านหลังหรือประสบอุบัติเหตุจากด้านหลังแรง ๆ จะต้องทำการเคาะ ปะ ผุ ให้กลับคืนสภาพเดิมแต่ช่างส่วนใหญ่ ไม่ค่อยใส่ใจในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ เพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของรถที่ซ่อม จะละเอียดถึงกับขนาดดูความเรียบร้อยของงานในบริเวณที่เก็บยางอะไหล่ จึงทำให้คนที่ซื้อรถมือสองพลาดไปในส่วนนี้ก็เยอะและมาช้ำใจในภายหลังว่าเสียรู้
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเอง ตอนที่ 1

rutchapong  |  at   06:29

การตรวจเช็กรถมือสองด้วยตัวคุณเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเต็นท์


            เมื่อคุณตัดสินใจซื้อรถมือสองไปแล้ว หากได้รถที่ดี ก็จะเป็นมือเป็นเท้า เป็นเพื่อนร่วมทาง เป็นเพื่อนคู่ใจ เป็นเพื่อนอำนวยความสะดวกให้กับคุณได้
แต่จริง ๆ แล้การที่คนซื้อจะได้รถที่ถูกใจจริง ๆ นั้นหายากมาก ๆ แม้ตอนแรกที่ซื้อไปสักสองสามอาทิตย์ หรือหนึ่งเดือน อาจจะยังชอบอยู่ เพราะยังไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อผ่านสองเดือนซึ่งพ้นระยะประกันของรถมือสองส่วนมากไปแล้ว และปัญหาต่าง ๆ ค่อย ๆ โผล่ทีนี้ล่ะความทุกข์จะมาเยือน
เรื่องอย่างนี้ว่ากันไม่ได้ เพราะคนที่ว่าชำนาญจริง ๆ ก็ยังแพ้เล่ห์เหลี่ยม การย้อมแมว และการปกปิดของเจ้าของเต็นท์เลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะคนเหล่านี้รอบจัดกว่า ต้องรู้เยอะกว่าคนธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถ “เอารถที่ชนยับทั้งคัน” มาซ่อมแล้วย้อมแมวขายได้หรอก
หนทางที่ดีที่สุดคือการที่คุณต้องปกป้องสิทธิ์ของคุณเป็นอับดับแรก ด้วยการรู้ทันกลยุทธ์การหมกเม็ด หรือกลยุทธ์การย้อมแมว ที่คุณจะสามารถนำไปศึกษา และจำไปใช้กับตัวเองในการดูรถมือสองได้ดังต่อไปนี้

ตรวจเช็กโครงสร้างของรถมือสอง ด้วยการสังเกต
เป็นการเช็ก หรือตรวจสอบลักษณะโครงสร้าง ตัวถัง ลักษณะภายนอกของรถซึ่งสัมพันธ์กับการชนหรือเคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วโดยเฉพาะรถที่พลิกคว่ำว่า นอกจาโครงสร้างของรถยนต์และจุดศูนย์ถ่วงหรือที่เราเรียกกันว่าค่าซีจี (CG : Center of Gravity) จะเสียศูนย์ไป ทำให้ไม่สามารถบังคบรถให้อยู่ในทิศทางตรงได้แล้ว ยังทำให้ความรู้สึกในการขับขี่เสียไปอีกด้วย เพราะจะให้ช่างเทวดามารวมตัวกันก็ไม่สามารถทำความรู้สึกเดิม ๆ กลับมาได้ ดังนั้นหากลูกค้าซื้อรถมือสองไปแล้วและมารู้ทีหลังว่าเคยผ่านอุบัติเหตุแรง ๆ มาก่อน ก็จะยิ่งเสียความรู้สึกมาก
ดังนั้นในขั้นต้น การพิจารณาได้ด้วยสายตาจึงเป็นการตรวจเช็กที่ง่ายที่สุด เพียงแค่รู้จุดที่จะต้องเช็กและต้องใช้การเปรียบเทียบ รวมถึงความละเอียดอ่อน เพราะหากรถผ่านการชนแรง เกิดอุบัติเหตุหนัก ๆ มาแล้ว แม้จะใช้ช่างมือเทวดาขนาดไหน ก็ใช่ว่าจะซ่อมได้เหมือนก่อนชน เพราะช่องไฟของรอยต่อ ระยะห่างระหว่างร่องรอยเส้นของตัวรถคือสิ่งที่ละเอียด หากลูกค้าไม่มีความรู้หรือไม่สังเกตเห็นความแตกต่างก็จะไม่รู้ว่ารถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่สิ่งที่คุณจะสังเกตได้โดยง่ายนั้น มีดังต่อไปนี้

ระวังเรื่องโครงสร้างที่ผ่านการชนยับ ที่นำมาเชื่อมต่อกับรถคันอื่น
รถเก๋งจะใช้โครงสร้างแบบโมโนคล็อค ซึ่งผนังหรือเหล็กทุกชิ้นที่ขึ้นรูปเป็นตัวถังจะมีส่วนในการรับน้ำหนักหรือต้านทานแรงบิด หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดรูปไปจากเดิม ย่อมส่งผลถึงความปลอดภัยและสมรรถนะ
สิ่งที่สำคัญคือควรระวังรถพังยับแล้วเอามาเชื่อมต่อกัน ให้สังเกตว่ามีรอยเชื่อมต่อ เกย จากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหรือไม่ เพราะหากเป็นอย่างนั้นแสดงว่ารถคันนี้มีสิทธิ์ที่จะเป็นรถตัดต่อแบบครึ่งคันอันตรายอย่างมาก รวมถึงการเปิดใต้พรมออกมาดูว่ามีรอยเชื่อมหรือไม่ หากตะเข็บเรียบตรงเสมอกันทั้ง 2 ด้าน ก็แสดงว่าไม่มีการชนหรือพลิกคว่ำและไม่มีการทำสีทับ
รถที่ผ่านการเชื่อมต่อ หมายถึง รถใหม่ที่ผ่านการชนหนักมามาก ๆ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงหน้าพังยับ แต่ช่วงหลังคนขับไปถึงท้ายรถไม่เป็นอะไรมาก หรือข้างหลังพังยับแต่ข้างหน้าซ่อมแซมแค่เพียงเล็กน้อย
เมื่อเป็นดังนี้ประกันจะจ่ายเงินให้เจ้าของรถ จากนั้นจะนำรถคันนั้นไปขายต่อให้กับร้านค้าหรือบริษัทที่รับซื้อซากรถ รับซื้อรถอุบัติเหตุเพื่อนำไปซ่อมแซมแล้วย้อมแมวขายใหม่อีกครั้ง ดังนั้นรถเชื่อต่อจึงเป็นรถที่มาจากคนละคัน
แต่รถประเภทนี้ จะสังเกตได้ง่ายหากช่างฝีมือไม่ดีพอ แค่ยืนมองไกล ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นทรงรถที่เสียไป ดังนั้นเล่ห์ของเต็นท์รถจึงไม่เอาออกมาจอดขายหน้าเต็นท์ แต่จะปลอมเป็นรถบ้านขับไปขับมาให้ฝุ่นจับเพื่อพรางรถและอ้างว่าเป็นรถบ้านฝากมาขายและยังไม่ได้ทำความสะอาด จนทำให้คนซื้อคิดว่าเป็นรถบ้านจริง ๆ จึงตกเป็นเหยื่อไปก็มาก
จึงควรระวังเอาไว้ให้ดีเพราะจะดูยากและดูเหมือนรถใหม่ และไม่เป็นมงคลกับผู้ซื้ออย่างแน่นอน เพราะบางทีอาจมีแถมผีมาให้ด้วยนะ แต่คนเรานี่แย่กว่าผีจริง ๆ นะ

สังเกตระยะห่าง ช่องไฟ ส่วนประกอบต่าง ๆ ที่รวมกันเป็นตัวรถ
เป็นการตรวจสอบว่า รถมีการชนมาแล้วหรือไม่ ชนหนักหรือน้อย เพราะรถที่ผ่านการชนมาแล้ว รอยต่อ ระยะห่าง หรือช่องไฟของรถจะผิดเพี้ยน เกิดเส้นไม่เท่ากัน เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ และไม่มีช่างมือเทวดาคนใด ที่จะเคาะ ปะ ผุ หรือโป๊วสีให้รถกลับคืนดังเดิมได้เหมือนรถใหม่ หรืออย่างดีที่สุดก็ทำได้แค่ใกล้เคียงกับก่อนจะเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดเท่านั้น
เหมือนกับการที่คุณถอดหน้ากากโทรศัพท์มือถือที่ตกแตก ออกมาซ่อมแล้วประกอบกลับไปดังเดิม ก็ไม่มีทางที่จะประกอบติดได้อย่างเรียบร้อยเหมือนก่อนทำตก ซึ่งจะเกิดช่องว่างหรือเส้นสายโครงสร้างของโทรศัพท์ที่ผิดเพี้ยนไปนั่นเอง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ยากกว่าการสังเกตว่าสภาพภายในรถ พรม เบาะ ผ่านการฟอกทำความสะอาด กำจัดกลิ่นหรือไม่ เพราะตะเข็บตามเบาะต่าง ๆ ไม่ปริแตก
จึงจำเป็นต้องใช้สายตาสังเกตให้ดี ๆ ด้วยวิธีการเปรียบเทียบด้านซ้าย-ขวา  ล่าง-บน หรือระยะห่างที่เหมาะสม หรือเท่ากัน ระหว่างการเชื่อมต่อของส่วนประกอบว่าช่องว่างเป็นธรรมชาติหรือผิดปกติ
ถ้าแตกต่างอย่างชัดเจน หรือคล้ายประกบกันไม่ติดเหมือนดังที่ยกตัวอย่างเรื่องโทรศัพท์มือถือ ก็แสดงว่าอาจจะผ่านการซ่อมเพราะเกิดอุบัติเหตุมาแล้ว โดยวิธีการต่อไปนี้ พิสูจน์มาแล้วได้ผลชัดเจน

เริ่มด้วยการเปรียบเทียบช่องไฟซ้ายขวา หรือระยะห่าง เป็นอย่างไร ผิดปกติหรือไม่ จากนั้นพิจารณาในส่วนอื่น ๆ เช่น

-      ช่องไฟต่าง ๆ ระยะห่างของกันชนกับไฟหน้า หน้ากาก ฝากระโปรง ขอบสันฝากระโปรง กันชนต้องไม่บิดเบี้ยว ในส่วนนี้ดูไม่ยากเพราะกันชนรถและบังโคลนรถส่วนมากไม่ใช่โลหะ จึงยากที่จะปกปิดร่องรอย
-      ริ้วรอยตามมุมซ้าย ขวา ด้านหน้ารถบริเวณมุมไฟทั้ง 2 ด้าน ก็ต้องมีบ้างเป็นเรื่องปกติ ที่จะมีการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ น้อย หรือมีรอยขีดข่วน ไม่ต้องเครียดเกินไป แต่ถ้าหากมีช่องว่างตรงมุมซ้าย-ขวา ที่เทียบด้วยตาแล้วเห็นว่าผิดปกติ ด้านหนึ่งต่างจากอีกด้านหนึ่ง ด้านหนึ่งเข้าที่ แต่อีกด้านไม่เข้าที่ หรือไม่สามารถประกอบให้สนิทได้ แสดงว่าอาจจะผ่านการชนมาแล้ว
-      ระยะห่างของฝากระโปรงและขอบบังโคลนส่วนมากระยะห่างจะอยู่ประมาณ 4-6 มิลลิเมตรโดยเฉลี่ย ซึ่งระยะห่างควรเท่ากันตลอด หากระยะห่างคลาดเคลื่อนเล็กน้อยทุกด้าน อาจจะเป็นได้ว่าเคยถอดฝากระโปรงมาพ่นหรือถอดเพื่อยกเครื่อง
-      ระยะห่างของประตูหน้าและประตูหลัง ต้องสังเกตคิ้วประตูว่าติดมาตรงได้ระดับหรือไม่ หากติดเบี้ยว แสดงว่าอาจเคยเคาะหรือทำสีมาแล้ว
-      ประตูต้องไม่มีรอยงัดแงะ เพราะถ้ามีอาจถูแกะออกไปเพื่อทำสี
-      เสาหลังต้องได้รูป โค้งได้รูป
-     ขอบกระจก ขอบยางต้องแนบสนิท
-     ดูช่องว่าง ระยะห่าง และการปิดฝากระโปรงหน้าและหลังว่า ลงตรงช่องหรือลงตัวหรือไม่ ด้วยการดูน๊อตที่ใช้ว่าสีเดียวกัน เบอร์เดียวกันหรือไม่ เพราะหารถที่ไม่เกิดอุบัติเหตุไม่ผ่านการแก้ไขดัดแปลง หรือไม่เคยประสบอุบัติเหตุตรงส่วนนั้น น๊อตจะไม่แตกต่างกัน มีลักษณะสีขนาดและเบอร์เดียวกัน
-      ในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ซึ่งรถส่วนมากจะเก็บยางอะไหล่เอาไว้ในหลุมที่ทำเอาไว้เป็นบล็อกเฉพาะเพื่อเก็บยางอะไหล่ ลองสังเกตดูว่ามีรอยบุบบู้บี้หรือไม่ เพราะรถที่โดนชนจากด้านหลังหรือประสบอุบัติเหตุจากด้านหลังแรง ๆ จะต้องทำการเคาะ ปะ ผุ ให้กลับคืนสภาพเดิมแต่ช่างส่วนใหญ่ ไม่ค่อยใส่ใจในส่วนของที่เก็บยางอะไหล่ เพราะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของรถที่ซ่อม จะละเอียดถึงกับขนาดดูความเรียบร้อยของงานในบริเวณที่เก็บยางอะไหล่ จึงทำให้คนที่ซื้อรถมือสองพลาดไปในส่วนนี้ก็เยอะและมาช้ำใจในภายหลังว่าเสียรู้


            หากคุณอยากได้รถมือสองจนอดใจไม่ไหว รอมาเป็นอาทิตย์แล้วยังติดสินใจซื้อไม่ได้สักที วันนี้แหละคือวันดีต้องถอยรถมือสองออกมาให้ได้ อย่างนี้ออกจะดูเสี่ยงไปนิด ที่บอกว่าเสี่ยงนั้นหมายถึง เสี่ยงได้ของย้อมแมวแบบไม่น่าให้อภัยเลยนะสิ

หากดูกี่คันกี่คันคุณก็พบว่ายังแพงเกินไป เกินงบที่ตั้งไว้มาตั้งเยอะ จะทำยังไงดี ขอต่อราคาก็ยังแพงอยู่ดี จนคนขายเห็นหน้าเศร้าสร้อยของคุณแล้วอดสงสารไม่ได้ จึงพาคุณไปดูรถคันที่ถูกที่สุดในร้าน พอคุณเห็นปุ๊บก็ถูกใจปั๊บ ทั้งถูกใจและสบายกระเป๋าไปพร้อมกัน ราคาก็แสนจะกันเอ๊ง กันเอง

ในวินาทีนั้นคุณก็ตกลงใจซื้อมันทันที โดยที่ไม่เฉลียวใจสักนิดว่าทำไมคนขายถึงตั้งราคาต่ำมากจนผิดสังเกต รู้ไว้ซะเถอะว่าคุณกำลังถูกหลอกให้ซื้อรถสภาพเน่าสุด ๆ ที่ภายนอกอาจดูดี แต่ภายในไม่ขอดูดีกว่า คุณอาจไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายได้ของแบบนั้น แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าคุณจะมีโชคในการซื้อรถมือสองหรือไม่ ทางที่ดีคุณไม่ควรรีบร้อนเกินไป

ถ้าเจอรถที่คนขายบอกราคาซะต่ำเกินไปจนคุณรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ต่อให้คนขายพูดจาหว่านล้อมว่ารถดีอย่างนั้นอย่างนี้ยังไงก็อย่าเพิ่งไปเชื่อ ให้คุณคิดไว้ก่อนเลยว่ารถคันนั้นต้องมีสภาพที่แย่เอามาก ๆ จนคนขายเองก็อยากจะขาย ๆ ไปให้รู้แล้วรู้รอด

และต่อให้คุณคิดที่จะซื้อรถแบบนั้นไป แล้วเปลี่ยนอะไหล่เก่าหมดประมาณว่ายกเครื่องใหม่กันเลย อย่างนั้นคงไม่คุ้มหรอก หรือรถคันนี้ต้องเป็นของร้อน ซึ่งมีมากเหลือเกินพวกรถขโมยที่สวมทะเบียน อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย พวกพ่อค้ารถมือสองที่ว่าแน่ ยังหน้าแหกกันมาหลายคนแล้ว ประเภทซื้อรถได้ราคาถูกน่ะจริง แต่ถูกจับไปด้วยข้อหาร่วมกันรับของโจร
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

อย่าซื้อรถที่ขายในราคาต่ำมากจนผิดสังเกต

rutchapong  |  at   07:41


            หากคุณอยากได้รถมือสองจนอดใจไม่ไหว รอมาเป็นอาทิตย์แล้วยังติดสินใจซื้อไม่ได้สักที วันนี้แหละคือวันดีต้องถอยรถมือสองออกมาให้ได้ อย่างนี้ออกจะดูเสี่ยงไปนิด ที่บอกว่าเสี่ยงนั้นหมายถึง เสี่ยงได้ของย้อมแมวแบบไม่น่าให้อภัยเลยนะสิ

หากดูกี่คันกี่คันคุณก็พบว่ายังแพงเกินไป เกินงบที่ตั้งไว้มาตั้งเยอะ จะทำยังไงดี ขอต่อราคาก็ยังแพงอยู่ดี จนคนขายเห็นหน้าเศร้าสร้อยของคุณแล้วอดสงสารไม่ได้ จึงพาคุณไปดูรถคันที่ถูกที่สุดในร้าน พอคุณเห็นปุ๊บก็ถูกใจปั๊บ ทั้งถูกใจและสบายกระเป๋าไปพร้อมกัน ราคาก็แสนจะกันเอ๊ง กันเอง

ในวินาทีนั้นคุณก็ตกลงใจซื้อมันทันที โดยที่ไม่เฉลียวใจสักนิดว่าทำไมคนขายถึงตั้งราคาต่ำมากจนผิดสังเกต รู้ไว้ซะเถอะว่าคุณกำลังถูกหลอกให้ซื้อรถสภาพเน่าสุด ๆ ที่ภายนอกอาจดูดี แต่ภายในไม่ขอดูดีกว่า คุณอาจไม่คิดว่าตัวเองจะโชคร้ายได้ของแบบนั้น แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าคุณจะมีโชคในการซื้อรถมือสองหรือไม่ ทางที่ดีคุณไม่ควรรีบร้อนเกินไป

ถ้าเจอรถที่คนขายบอกราคาซะต่ำเกินไปจนคุณรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ต่อให้คนขายพูดจาหว่านล้อมว่ารถดีอย่างนั้นอย่างนี้ยังไงก็อย่าเพิ่งไปเชื่อ ให้คุณคิดไว้ก่อนเลยว่ารถคันนั้นต้องมีสภาพที่แย่เอามาก ๆ จนคนขายเองก็อยากจะขาย ๆ ไปให้รู้แล้วรู้รอด

และต่อให้คุณคิดที่จะซื้อรถแบบนั้นไป แล้วเปลี่ยนอะไหล่เก่าหมดประมาณว่ายกเครื่องใหม่กันเลย อย่างนั้นคงไม่คุ้มหรอก หรือรถคันนี้ต้องเป็นของร้อน ซึ่งมีมากเหลือเกินพวกรถขโมยที่สวมทะเบียน อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย พวกพ่อค้ารถมือสองที่ว่าแน่ ยังหน้าแหกกันมาหลายคนแล้ว ประเภทซื้อรถได้ราคาถูกน่ะจริง แต่ถูกจับไปด้วยข้อหาร่วมกันรับของโจร


            ใครว่าซื้อรถมือสองเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้ ต่อให้เป็นเซียนรถระดับพระกาฬแต่ก็อาจพลาดท่าเสียทีได้เมื่อไม่ดูเวล่ำเวลาเอาซะเลย ขอให้จำไว้แบบขึ้นใจเลยว่า เวลาที่เหมาะจะดูรถมือสองต้องเป็นเวลากลางวันเท่านั้น เพราะอะไรนะหรือ ก็เพระว่ามันจะทำให้คุณสังเกตเห็นข้อบกพร่องของรถได้ง่ายกว่า พูดง่าย ๆ ว่าไม่หลอกตาจนเสียท่า

ก็รู้ทั้งรู้ว่าจะดูรถดูราสักคันมันก็ต้องใช้เวลาเช็กกันบ้าง อาจจะมากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ความเชี่ยวชาญในการดู แต่ถ้าคุณคิดว่ายังไง ๆ วันนี้แหละฉันต้องเป็นเจ้าของรถให้ได้ ขี้เกียจรอแล้ว  อย่างนั้นคุณน่าจะไปดูตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนร้านเปิดสักชั่วโมงก่อน จะได้มีเวลาตรวจนู้นเช็กนี้ ได้ตามอัธยาศัยโดยไม่ต้องรีบร้อน

ไม่ใช่ว่ามาดูซะเกือบตะวันตกดิน ช่วงผีตากผ้าอ้อมพอดี อย่างนี้จะไปเห็นอะไรถนัดเล่า มองไม่เห็นเม็ดสีก็เลยคิดว่ารถไม่เคยชน ไม่เคยทำสี และต่อให้เอาไปฉายมาส่องดูก็ไม่ช่วยอะไรมากหรอก การดูรถตอนกลางคืนจึงไม่เหมาะอย่างยิ่งในการซื้อรถมือสอง เพราะความมืดนี่แหละจะทำให้คุณพลาดช็อตเด็ดบางอย่างไปที่เขาแอบหมกเม็ดไว้

นอกจากนี้ ปีที่รถผลิตก็เป็นส่วนสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามเพราะแน่นอนว่ารถยนต์ก็ต้องมีอายุการใช้งานของมัน 10 ปี นี้ถือว่าเก่าแล้วถ้าเป็นรถกลุ่มยุโรป ส่วนกลุ่มรถญี่ปุ่นนั้นไม่ควรเกิน 15 ปี เพราะอะไหล่ต่าง ๆ ก็หายากขึ้น และคงไม่มีบริษัทไหนผลิตชิ้นส่วนของรถรุ่นเก่าออกมา เพราะเขาก็คงอยากให้คุณ ๆ ทั้งหลายซื้อรถรุ่นใหม่ ๆ กัน หรือถ้ายังมีอยู่ก็เป็นอะไหล่ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่ คงไม่คุ้มหรอกถ้าคุณคิดจะซื้อรถอายุการใช้งานยาวนานมาใช้ แต่ถ้าจะให้ดีต้องเลือกไอ้ที่ไม่เกิน 7 ปีดีที่สุด

            ยิ่งเป็นรุ่นที่ใช้กันเกลื่อนเมืองด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่เพราะมันต้องมีดีอะไรสักอย่างคนทั่วไปถึงเลือกซื้อใช้กัน แต่อย่าเด็ดขาดเชียว อย่าไปซื้อไอ้ประเภทที่มันเลิกใช้เลิกผลิตไปแล้ว เพราะถ้าคุณไม่รู้เรื่องราว เผลอไปซื้อเข้าคุณอาจต้องนำตาเล็ดเมื่อพบว่ารถที่ซื้อมาได้ดีกลับเสียบ่อยและก็อาจต้องช้ำชอกใจ

            ถ้ารู้จากปากช่างว่ารถมือสองที่คุณซื้อมานั้นเค้าเลิกผลิตกันไปเป็นชาติแล้ว ทำให้ไม่สามารถหาอะไหล่มาเปลี่ยนได้ จะใช้แทนของยี่ห้ออื่นก็คงจะไม่ได้เสียด้วย ถ้าอย่างนั้นต้องเลือกดูให้ดี ๆ หาข้อมูลรถที่ต้องการซื้อมาประกอบด้วย กลุ่มรถยุโรปที่ผลิตไม่เกิน 10 ปี ต้องรถเมอเซเดสเบนซ์เท่านั้น รองลงมาก็เป็นบีเอ็มดับบลิวที่อายุไม่เกิน 7 ปี คุณภาพดี ไม่ผิดหวัง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเจ้าของเดิมด้วย
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

ข้อห้าม เมื่อคิดจะซื้อรถมือสอง

rutchapong  |  at   07:34


            ใครว่าซื้อรถมือสองเมื่อไหร่ตอนไหนก็ได้ ต่อให้เป็นเซียนรถระดับพระกาฬแต่ก็อาจพลาดท่าเสียทีได้เมื่อไม่ดูเวล่ำเวลาเอาซะเลย ขอให้จำไว้แบบขึ้นใจเลยว่า เวลาที่เหมาะจะดูรถมือสองต้องเป็นเวลากลางวันเท่านั้น เพราะอะไรนะหรือ ก็เพระว่ามันจะทำให้คุณสังเกตเห็นข้อบกพร่องของรถได้ง่ายกว่า พูดง่าย ๆ ว่าไม่หลอกตาจนเสียท่า

ก็รู้ทั้งรู้ว่าจะดูรถดูราสักคันมันก็ต้องใช้เวลาเช็กกันบ้าง อาจจะมากบ้างน้อยบ้างก็แล้วแต่ความเชี่ยวชาญในการดู แต่ถ้าคุณคิดว่ายังไง ๆ วันนี้แหละฉันต้องเป็นเจ้าของรถให้ได้ ขี้เกียจรอแล้ว  อย่างนั้นคุณน่าจะไปดูตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนร้านเปิดสักชั่วโมงก่อน จะได้มีเวลาตรวจนู้นเช็กนี้ ได้ตามอัธยาศัยโดยไม่ต้องรีบร้อน

ไม่ใช่ว่ามาดูซะเกือบตะวันตกดิน ช่วงผีตากผ้าอ้อมพอดี อย่างนี้จะไปเห็นอะไรถนัดเล่า มองไม่เห็นเม็ดสีก็เลยคิดว่ารถไม่เคยชน ไม่เคยทำสี และต่อให้เอาไปฉายมาส่องดูก็ไม่ช่วยอะไรมากหรอก การดูรถตอนกลางคืนจึงไม่เหมาะอย่างยิ่งในการซื้อรถมือสอง เพราะความมืดนี่แหละจะทำให้คุณพลาดช็อตเด็ดบางอย่างไปที่เขาแอบหมกเม็ดไว้

นอกจากนี้ ปีที่รถผลิตก็เป็นส่วนสำคัญที่คุณไม่ควรมองข้ามเพราะแน่นอนว่ารถยนต์ก็ต้องมีอายุการใช้งานของมัน 10 ปี นี้ถือว่าเก่าแล้วถ้าเป็นรถกลุ่มยุโรป ส่วนกลุ่มรถญี่ปุ่นนั้นไม่ควรเกิน 15 ปี เพราะอะไหล่ต่าง ๆ ก็หายากขึ้น และคงไม่มีบริษัทไหนผลิตชิ้นส่วนของรถรุ่นเก่าออกมา เพราะเขาก็คงอยากให้คุณ ๆ ทั้งหลายซื้อรถรุ่นใหม่ ๆ กัน หรือถ้ายังมีอยู่ก็เป็นอะไหล่ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าไหร่ คงไม่คุ้มหรอกถ้าคุณคิดจะซื้อรถอายุการใช้งานยาวนานมาใช้ แต่ถ้าจะให้ดีต้องเลือกไอ้ที่ไม่เกิน 7 ปีดีที่สุด

            ยิ่งเป็นรุ่นที่ใช้กันเกลื่อนเมืองด้วยแล้ว ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่เพราะมันต้องมีดีอะไรสักอย่างคนทั่วไปถึงเลือกซื้อใช้กัน แต่อย่าเด็ดขาดเชียว อย่าไปซื้อไอ้ประเภทที่มันเลิกใช้เลิกผลิตไปแล้ว เพราะถ้าคุณไม่รู้เรื่องราว เผลอไปซื้อเข้าคุณอาจต้องนำตาเล็ดเมื่อพบว่ารถที่ซื้อมาได้ดีกลับเสียบ่อยและก็อาจต้องช้ำชอกใจ

            ถ้ารู้จากปากช่างว่ารถมือสองที่คุณซื้อมานั้นเค้าเลิกผลิตกันไปเป็นชาติแล้ว ทำให้ไม่สามารถหาอะไหล่มาเปลี่ยนได้ จะใช้แทนของยี่ห้ออื่นก็คงจะไม่ได้เสียด้วย ถ้าอย่างนั้นต้องเลือกดูให้ดี ๆ หาข้อมูลรถที่ต้องการซื้อมาประกอบด้วย กลุ่มรถยุโรปที่ผลิตไม่เกิน 10 ปี ต้องรถเมอเซเดสเบนซ์เท่านั้น รองลงมาก็เป็นบีเอ็มดับบลิวที่อายุไม่เกิน 7 ปี คุณภาพดี ไม่ผิดหวัง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของเจ้าของเดิมด้วย


            คนจำนวนไม่น้อยรังเกียจพ่อค้ารถมือสองหรือเต็นท์รถเพราะมองว่าคนเหล่านี้ กดราคาซื้อถูก ขายแพง ย้อมแมว ฯลฯ สารพัดแต่ขณะเดียวกันคนใช้รถจำนวนไม่น้อยก็ชอบรถ “แมวย้อม” เสียด้วย โดยเฉพาะความพึงพอใจที่จะถูกย้อมแมวในเรื่องของ “ตัวเลขเรือนไมล์ระยะทาง”  คนส่วนใหญ่ที่ต้องการใช้รถมือสอง ต่างต้องการรถที่วิ่งไม่ถึง 1 แสนกิโลเมตร หรือเพียงแค่เกือบ ๆ 1 แสนกิโลเมตร

            เมื่อเป็นเช่นนี้ เต็นท์รถจึงทำการกรอไมล์ ให้การวิ่งดุน้อยลง แต่ขัดกับระยะเวลาการการจดทะเบียนครั้งแรกเสียมากมาย บางรายกรอไมล์เหลือแค่หลักหมื่นกว่า ๆ ไม่เกินเจ็ดหรือแปดหมื่นกิโลเมตร ส่วนสมุดคู่มือที่หากเจ้าของเป็นคนรักรถ ซึ่งจะโชว์คู่มือให้เห็นว่าซ่อมตลอด เปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลา ก็จะถูกเก็บออกไป เพราะมิฉะนั้นลูกค้าจะรู้ว่ารถคันนี้ผ่านการเปลี่ยนอะไหล่ หรือใช้งานมากี่กิโลเมตรแล้ว เต็นท์รถมือสองส่วนใหญ่ จึงตัดปัญหาบอกลูกค้าว่าเจ้าของเก่าไม่มีคู่มือแนบมาด้วย นอกจารถดีจริง ๆ ที่คู่มือรถเป็นตัวเรียกความสนใจจากผู้ซื้อได้มากโข การดูเลขไมล์บนหน้าปัดอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนมักใช้เช็กว่า รถคันนั้นคันนี้ผ่านการใช้งานมามากเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่ดูรถมือสองไม่เป็น แต่ถ้าจะให้ดูกันที่มาตรวัดระยะทางเพียงอย่างเดียวนั้นเห็นทีจะไม่พอกินซะแล้ว

            ด้วยยุคสมัยที่ไฮเทคขึ้นทุกวี่ทุกวัน ทำให้คุณไม่สามารถไว้ใจในสิ่งที่เห็นได้เลย ก็ขนาดรถพังยับเยินจนไม่เหลือสภาพความเป็นรถยังเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้สวยใสเหมือนของใหม่ก็ไม่ปาน อย่างนี้แล้วส่วนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงกันล่ะ แต่อย่างไร ถึงจะเป็นเซียนรถมือสองหรือคนทั่วไป ก็อดไม่ได้ที่จะมองเลขไมล์บนหน้าปัดสักหน่อยก็ยังดีน่า เพราะอย่างนี้แหละเหล่าพ่อค้าหัวใส จึงว่าจ้างให้ช่างปรับค่าตัวเลขใหม่ให้ดูน้อยกว่าที่เป็นจริงได้ จะได้ดูเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาไม่มากนักและส่งผลให้ได้ราคางามกว่าที่ควรจะเป็น เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้มาตรวัดแบบดิจิตอล การปรับค่าเลขไมล์บนหน้าปัดทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก แค่ให้ช่างรับทำให้ในราคาคันละ 500-1,000 บาท ช่างสามารถหมุนเลขกลับได้ง่าย เพียงแค่ทราบตำแหน่งของหน่วยความจำเหมือนกับการแฮ็คหรือขโมยข้อมูลทั่วไป หากสามารถอ่านข้อมูลออกมาได้และข้อมูลไม่มีการเข้ารหัส ก็ง่ายสุด ๆ แทบไม่ต้องรื้อเรือนไมล์วงจร ดังที่จะเห็นตัวอย่างประกาศทั่วไปตามเว็บไซต์ เช่น

“รับติดตั้ง รับเดินสายไฟ งานระบบไฟในวีโก้ Toyota ทุกรุ่นและจำหน่ายอุปกรณ์ประดับยนต์” หรือ “รับปรับเลขไมล์ ดิจิตอล วีโก้ ฟอร์จูนเนอร์ สำหรับท่านที่เปลี่ยนไมล์จากวีโก้เป็นฟอร์จูนเนอร์ และต้องการเลขระยะทางให้เท่าเดิม ส่วนรุ่นหรือยี่ห้องอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ก็รับปรับนะครับ ทั้งมนและนอกสถานที่ครับเพราะในเมื่อปรับเลขไมล์กันได้ง่าย ๆ อย่างนี้ ตามนิสัยที่ไม่มีจรรยาบรรณของคนเป็นช่าง เลขไมล์บนหน้าปัดสำหรับการซื้อ-ขายรถมือสองจึงเชื่อถือแทบไม่ได้  เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะได้รถที่วิ่งน้อย ๆ ขัดกับระยะเวลาที่จดทะเบียนเอาไว้ครั้งแรก เทียบอัตราส่วนคือ หากรถที่ใช้มาแล้ว 5 ปี แต่วิ่งไม่เกิน 50,000 กิโลเมตร เท่ากับว่ารถวิ่งแค่ปีละ 1 หมื่นกว่ากิโลเมตร เพราะเฉลี่ยวิ่งทุกวันเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ปีละ 260 วัน ก็เท่ากับวิ่งไปกลับบ้านที่ทำงานระยะทางแค่ 20 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์แสดงว่าไม่ได้ขับรถออกไปไหนเลย

แต่จะอย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรถือว่าเลขไมล์บนหน้าปัด เป็นตัววัดสำคัญในการตัดสินใจ เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ ทั้งแบบอนาล็อก และดิจิตอล โดยในแบบหลังนั้น อาจจะใช้วิธีป้อนสัญญาณให้เลขวิ่งเดินหน้า จนกลับมาขึ้นรอบใหม่ก็เป็นได้ทางที่ดีควรดูสภาพส่วนอื่นที่สำคัญมากกว่า เช่น ดูสภาพรถภายในว่า เบาะนั่งทรุด เปื่อย หรือปุ่มกดต่าง ๆ เลอะเลือนหรือถูกกดจนเลี่ยนมนหรือไม่จะดีกว่า จากนั้นค่อยมาตรวจเช็กกันอีกทีโดยการนำปีจดทะเบียนของรถคันนั้นมาเทียบ หรือหาความแตกต่างระหว่างตัวเลขในเอกสารกับเลขไมล์จริงที่รถ ส่วนมากเอกสารที่ได้มาจากการเข้าศูนย์บริการต่าง ๆ จะมีเลขไมล์บอกกำกับอยู่ด้วย ดังนั้นวิธีการเช็กอย่างง่ายก็คือ การเปรียบเทียบระหว่างเลขไมล์ในเอกสาร และวันที่เข้ารับการบริการกับเลขไมล์จริงที่รถ แค่นี้คุณก็สามารถบอกได้ว่าตัวเลขเหล่านี้มีการปรับแต่งหรือไม่ หรือผ่านการดูแลจากเจ้าของคนเดิมได้ดีมาน้อยเพียงใด

เห็นไหมว่า เลขไมล์บนหน้าปัดแทบไม่ช่วยให้คุณรู้ประวัติการใช้งานของรถอย่างแท้จริงเลย และถ้าคุณขืนยังหลงเดินดุ่ม ๆ ไปซื้อและใช้เลขไมล์เป็นตัวตัดสินว่ารถใช้งานมามากน้อยแค่ไหน คุณอาจได้รถมือสองที่ต้องเข้าออกศูนย์ซ่อมเป็นว่าเล่นเลยก็ได้
อุทาหรณ์เตือนใจก่อนซื้อรถมือสอง

จะซื้อรถมือสอง เลขระยะทางบนหน้าปัดอย่าเชื่อให้มากนัก

rutchapong  |  at   10:01


            คนจำนวนไม่น้อยรังเกียจพ่อค้ารถมือสองหรือเต็นท์รถเพราะมองว่าคนเหล่านี้ กดราคาซื้อถูก ขายแพง ย้อมแมว ฯลฯ สารพัดแต่ขณะเดียวกันคนใช้รถจำนวนไม่น้อยก็ชอบรถ “แมวย้อม” เสียด้วย โดยเฉพาะความพึงพอใจที่จะถูกย้อมแมวในเรื่องของ “ตัวเลขเรือนไมล์ระยะทาง”  คนส่วนใหญ่ที่ต้องการใช้รถมือสอง ต่างต้องการรถที่วิ่งไม่ถึง 1 แสนกิโลเมตร หรือเพียงแค่เกือบ ๆ 1 แสนกิโลเมตร

            เมื่อเป็นเช่นนี้ เต็นท์รถจึงทำการกรอไมล์ ให้การวิ่งดุน้อยลง แต่ขัดกับระยะเวลาการการจดทะเบียนครั้งแรกเสียมากมาย บางรายกรอไมล์เหลือแค่หลักหมื่นกว่า ๆ ไม่เกินเจ็ดหรือแปดหมื่นกิโลเมตร ส่วนสมุดคู่มือที่หากเจ้าของเป็นคนรักรถ ซึ่งจะโชว์คู่มือให้เห็นว่าซ่อมตลอด เปลี่ยนอะไหล่ตามระยะเวลา ก็จะถูกเก็บออกไป เพราะมิฉะนั้นลูกค้าจะรู้ว่ารถคันนี้ผ่านการเปลี่ยนอะไหล่ หรือใช้งานมากี่กิโลเมตรแล้ว เต็นท์รถมือสองส่วนใหญ่ จึงตัดปัญหาบอกลูกค้าว่าเจ้าของเก่าไม่มีคู่มือแนบมาด้วย นอกจารถดีจริง ๆ ที่คู่มือรถเป็นตัวเรียกความสนใจจากผู้ซื้อได้มากโข การดูเลขไมล์บนหน้าปัดอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนมักใช้เช็กว่า รถคันนั้นคันนี้ผ่านการใช้งานมามากเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนที่ดูรถมือสองไม่เป็น แต่ถ้าจะให้ดูกันที่มาตรวัดระยะทางเพียงอย่างเดียวนั้นเห็นทีจะไม่พอกินซะแล้ว

            ด้วยยุคสมัยที่ไฮเทคขึ้นทุกวี่ทุกวัน ทำให้คุณไม่สามารถไว้ใจในสิ่งที่เห็นได้เลย ก็ขนาดรถพังยับเยินจนไม่เหลือสภาพความเป็นรถยังเนรมิตขึ้นมาใหม่ได้สวยใสเหมือนของใหม่ก็ไม่ปาน อย่างนี้แล้วส่วนอื่น ๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงกันล่ะ แต่อย่างไร ถึงจะเป็นเซียนรถมือสองหรือคนทั่วไป ก็อดไม่ได้ที่จะมองเลขไมล์บนหน้าปัดสักหน่อยก็ยังดีน่า เพราะอย่างนี้แหละเหล่าพ่อค้าหัวใส จึงว่าจ้างให้ช่างปรับค่าตัวเลขใหม่ให้ดูน้อยกว่าที่เป็นจริงได้ จะได้ดูเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาไม่มากนักและส่งผลให้ได้ราคางามกว่าที่ควรจะเป็น เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะเป็นรถรุ่นใหม่ ๆ ที่ใช้มาตรวัดแบบดิจิตอล การปรับค่าเลขไมล์บนหน้าปัดทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก แค่ให้ช่างรับทำให้ในราคาคันละ 500-1,000 บาท ช่างสามารถหมุนเลขกลับได้ง่าย เพียงแค่ทราบตำแหน่งของหน่วยความจำเหมือนกับการแฮ็คหรือขโมยข้อมูลทั่วไป หากสามารถอ่านข้อมูลออกมาได้และข้อมูลไม่มีการเข้ารหัส ก็ง่ายสุด ๆ แทบไม่ต้องรื้อเรือนไมล์วงจร ดังที่จะเห็นตัวอย่างประกาศทั่วไปตามเว็บไซต์ เช่น

“รับติดตั้ง รับเดินสายไฟ งานระบบไฟในวีโก้ Toyota ทุกรุ่นและจำหน่ายอุปกรณ์ประดับยนต์” หรือ “รับปรับเลขไมล์ ดิจิตอล วีโก้ ฟอร์จูนเนอร์ สำหรับท่านที่เปลี่ยนไมล์จากวีโก้เป็นฟอร์จูนเนอร์ และต้องการเลขระยะทางให้เท่าเดิม ส่วนรุ่นหรือยี่ห้องอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ก็รับปรับนะครับ ทั้งมนและนอกสถานที่ครับเพราะในเมื่อปรับเลขไมล์กันได้ง่าย ๆ อย่างนี้ ตามนิสัยที่ไม่มีจรรยาบรรณของคนเป็นช่าง เลขไมล์บนหน้าปัดสำหรับการซื้อ-ขายรถมือสองจึงเชื่อถือแทบไม่ได้  เพราะเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะได้รถที่วิ่งน้อย ๆ ขัดกับระยะเวลาที่จดทะเบียนเอาไว้ครั้งแรก เทียบอัตราส่วนคือ หากรถที่ใช้มาแล้ว 5 ปี แต่วิ่งไม่เกิน 50,000 กิโลเมตร เท่ากับว่ารถวิ่งแค่ปีละ 1 หมื่นกว่ากิโลเมตร เพราะเฉลี่ยวิ่งทุกวันเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ ปีละ 260 วัน ก็เท่ากับวิ่งไปกลับบ้านที่ทำงานระยะทางแค่ 20 กิโลเมตรเท่านั้น ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์แสดงว่าไม่ได้ขับรถออกไปไหนเลย

แต่จะอย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรถือว่าเลขไมล์บนหน้าปัด เป็นตัววัดสำคัญในการตัดสินใจ เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ ทั้งแบบอนาล็อก และดิจิตอล โดยในแบบหลังนั้น อาจจะใช้วิธีป้อนสัญญาณให้เลขวิ่งเดินหน้า จนกลับมาขึ้นรอบใหม่ก็เป็นได้ทางที่ดีควรดูสภาพส่วนอื่นที่สำคัญมากกว่า เช่น ดูสภาพรถภายในว่า เบาะนั่งทรุด เปื่อย หรือปุ่มกดต่าง ๆ เลอะเลือนหรือถูกกดจนเลี่ยนมนหรือไม่จะดีกว่า จากนั้นค่อยมาตรวจเช็กกันอีกทีโดยการนำปีจดทะเบียนของรถคันนั้นมาเทียบ หรือหาความแตกต่างระหว่างตัวเลขในเอกสารกับเลขไมล์จริงที่รถ ส่วนมากเอกสารที่ได้มาจากการเข้าศูนย์บริการต่าง ๆ จะมีเลขไมล์บอกกำกับอยู่ด้วย ดังนั้นวิธีการเช็กอย่างง่ายก็คือ การเปรียบเทียบระหว่างเลขไมล์ในเอกสาร และวันที่เข้ารับการบริการกับเลขไมล์จริงที่รถ แค่นี้คุณก็สามารถบอกได้ว่าตัวเลขเหล่านี้มีการปรับแต่งหรือไม่ หรือผ่านการดูแลจากเจ้าของคนเดิมได้ดีมาน้อยเพียงใด

เห็นไหมว่า เลขไมล์บนหน้าปัดแทบไม่ช่วยให้คุณรู้ประวัติการใช้งานของรถอย่างแท้จริงเลย และถ้าคุณขืนยังหลงเดินดุ่ม ๆ ไปซื้อและใช้เลขไมล์เป็นตัวตัดสินว่ารถใช้งานมามากน้อยแค่ไหน คุณอาจได้รถมือสองที่ต้องเข้าออกศูนย์ซ่อมเป็นว่าเล่นเลยก็ได้

บทความรถยนต์ที่น่าสนใจ