เทคนิครถยนต์: เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตัวเอง
บางคนโชคยังดีที่ไม่เคยเจออู่มักง่าย หรือช่างที่ชอบเอาเปรียบลูกค้า แต่หลายคนไม่ได้แบบนั้น อย่างเช่น เปลี่ยนน้ำมัน Semi-Synthetic ให้ แต่เก็บเงินในราคา Fully Synthetic หรือขันน็อตถ่ายน้ำมัน-กรองน้ำมันเครื่องไม่แน่น น้ำมันรั่วไหลออกไปจนสร้างความเสียหายให้กับเครื่องยนต์ ชนิด “ชาฟท์ละลาย”ก็เคยมีมาแล้ว
สิ่งที่ต้องมีอยู่แล้วคือ น้ำมันเครื่องควรใช้ตามที่ผู้ผลิตเค้ากำหนดให้ใช้ความหนืดเท่าไหร่ โดยมาก็จะอยู่ที่ประมาณ 30 , 40 และ 50 จากนั้นก็ไปหิ้วมาซะ จะเอา “กึ่ง” หรือ “100%” อันนี้ก็แล้วแต่กำลังทรัพย์และลักษณะการใช้งาน แล้วก็อย่าลืมเหน็บกรองน้ำมันเครื่องกับแหวนน็อตถ่ายน้ำมันเครื่องอันใหม่ติดมือมาด้วย จะได้ไม่เสียเที่ยว ส่วนเครื่องเคียงที่ต้องใช้ในภารกิจนี้ ได้แก่ 1. แม่แรงกับสามขาอีก 2 ตัว 2.ประแจแหวนหรือชุดบล็อก 3.กระดาษทรายหยาบ (เบอร์ 80-120) 4.จาระบี 5.กรวย และ 6.ถาดรองน้ำมันเครื่อง
ก่อนอื่นก็ดูทำเลซะหน่อยว่าพื้นไม่ลาดไม่เอนจนจะทำให้รถเกิดอาการ “ไหล” จัดการยกรถขึ้นด้วยแม่แรงแล้วรองด้วยสามชา จากนั้นก็มุดไปใต้ท้องรถ เพื่อหาน็อตตัวที่จะปลดปล่อยน้ำมันเครื่องเก่าออก แล้วก็จัดการไขออกซะ ตรงนี้จะต้องดูให้ดีด้วยว่าตำแหน่งของถาดที่นำมารองจะต้องพอดีไม่หกเรี่ยราด จากนั้นก็ปล่อยให้น้ำมันเก่ามันไหลตามแรงโน้มถ่วงไปเรื่อย ๆ อย่ารีบร้อน อ้อ..ตรงนี้ให้เปิดฝาเติมน้ำมันเครื่องไว้ด้วยนะจะได้ไหลคล่อง ๆ จนน้ำมันเริ่มเปลี่ยนจากไหลเป็นหยด แล้วก็มุดต่อเพื่อเข้าไปปลดประจำการเจ้ากรองน้ำมันเครื่องออกมา ตรงนี้อาจต้องใช้วิทยายุทธ์กันนิดหน่อย หากกรองเก่าถูกขันมาแน่นเกินไป ถ้าเป็นเช่นนั้นต้องพึ่งกระดาษทรายอย่างเดียว จัดการฉีกให้พอดีกับตัวกรองพันให้รอบแล้วก็ออกแรงบิด แต่ถ้าจนปัญญาจริง ๆ ก็ไปหาสายพานเก่า ๆ มาคล้องที่ตัวกรองแล้วสอดไขควงเข้าไปขันให้เป็นเกลียวจนตึง แล้วก็บิดได้เลย ..แต่ถ้ากรองยังดื้อดึงอยู่ก็เผยพฤติกรรมโหดได้เลยครับ เอาไขควงกระซวกเข้าไปที่ (กึ่งกลาง) ตัวกรองแล้วก็บิดได้เลย
มาถึงขั้นตอนการประกอบ ให้ใส่น็อตถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมแหวนอันใหม่เข้าไปก่อน แล้วก็ออกแรงขันพอประมาณ แค่พอตึง ๆ มือ แล้วก็นำเอากรองน้ำมันเครื่องอันใหม่มาทาจาระบี เพื่อให้ยางโอริงอยู่ในร่องในรอยซะหน่อย จากนั้นก็ลำเลียงไปประกอบยังถิ่นฐานเดิม หมุนเข้าไปจนรู้สึกว่าเกลียวเริ่มฝืด แล้วก็เอาไอ้เจ้ากระดาษทรายที่ใช้ในตอนถอดมาพันอีกรอบ ออกแรงบิดเข้าไปอีกประมาณ ¾ รอบ ก็พอแล้ว ไม่ต้องแน่นแบบน็อตเพลาล้อ เดี๋ยวกรองแตกขึ้นมาแล้วจะเป็นเรื่อง
จากนั้นก็เอาน้ำมันเครื่องใหม่เติมใส่เข้าไป ดูด้วยนะครับว่าความจุที่เค้ากำหนดนั้นคือกี่ลิตร จากนั้นก็ติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ราว 5 นาที แล้วรออีกหน่อยเพื่อให้น้ำมันไหลลงไปที่อ่างน้ำมันเครื่องให้หมด แล้วก็เช็คดูอีกที ถ้าขาดก็เติมเข้าไปให้ได้ระดับ..เพียงเท่านี้ขุมพลังของรถคุณก็สะอาด และได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีแล้วล่ะ
ขอแถมท้ายด้วยเรื่องราวน่ารู้ของ “การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง” หรือน้ำมันหล่อลื่น เพราะบางคนใช้รถน้อยวันหนึ่งไม่ถึง 10 กิโลเมตร แบบนี้เจ้าของรถอาจคิดว่ารถตูใช้งานไม่หนักแต่ความจริง “หนักนะจะบอกให้” เพราะรถต้องออกตัวและทำงานตอนเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ พออุณหภูมิกำลังจะได้ที่ก็ถึงที่หมายดับสวิทซ์จบการทำงานไปแล้ว การใช้งานในลักษณะนี้จะทำให้เครื่องยนต์มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูง และมีการสึกหรอสูงกว่าเมื่อเทียบระยะทางการใช้งานอย่างหลงคิดไปว่ารถจะมีสุขภาพดี เพราะระยะวิ่งใช้งานมีน้อยกว่ารถคันอื่น ตามสถิติพวกรถวิ่งใช้งานในเมืองแค่ 200,000 กม. นั่นเลย เนื่องจากแม้ระยะทางจะต้อย แต่ระยะเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานสูงแถมยังอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการเสียหายมากกว่า อย่างรถใช้งานในเมืองที่การจราจรติดขัด เครื่องยนต์ทำงาน 1 ชม. ได้ระยะทางเฉลี่ยแค่ 20 กม. ทำงาน 10,000 ชั่วโมง ก็เพิ่งได้ระยะทาง 2,000,000 กม.เท่านั้น ส่วนการเดินทางไกลหรือรถไม่ติด เครื่องยนต์ทำงาน 1 ชม. ได้ระยะทางเป็น 100 กม. หากปล่อยให้วิ่ง 10,000 ชม. เท่ากันก็จะได้ระยะทางถึง 1,000,000 กม. ด้วยเหตุนี้เองผู้ผลิตรถยนต์จึงกำหนดการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันหล่อลื่นเป็น 2 แบบ คือ กำหนดที่ระยะทาง กับ กำหนดที่ระยะเวลา อันไหนถึงก่อนให้ถืออันนั้นเป็นหลัก เพราะรถวิ่งน้อยก็ไม่ได้หมายความว่าน้ำมันเครื่องจะไม่เสื่อมสภาพ เพราะเปิดฝากระป๋องน้ำมันเครื่องทิ้งไว้เฉย ๆ มันยังเปลี่ยนสภาพเลย เพราะการทำปฎิกิริยากับอ๊อกซิเจนในอากาศ (อยู่ในกระป๋องเฉย ๆ ก็หมดอายุได้ แบบเดียวกับอาหารกระป๋อง)
นอกจากนี้เวลาใช้งานในเมือง เครื่องยนต์จะใช้อัตราส่วนผสมค่อนข้างหนาต่างกับการเดินทางไกล ซึ่งผลจากอัตราส่วนผสมหนาจะทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ท่าที่ควรและยังทำให้เกิดกรดและสารเคมีกัดกร่อนในเครื่องยนต์อีกด้วย บางส่วนจะถูกชะล้างโดยน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเกิดการเสื่อมคุณภาพก่อนเวลาที่กำหนด ทางที่ดีรถใช้ในเมืองมาก ๆ ควรลดระยะเวลาการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องลงมาอีกหน่อย พวกน้ำมันเครื่องธรรมดาให้เปลี่ยนถ่ายทุก ๆ 6 เดือน หากใช้พวกน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ทุก ๆ 8 เดือน ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ก็ให้เปลี่ยนถ่ายกันปีละครั้ง
อันที่จริงรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ น้ำมันเครื่องจะสะอาดกว่ารถที่ใช้น้ำมันเบนซินล้วน ๆ เนื่องจากแอลกอฮอล์เผาไหม้ได้ดีกว่ามีเขม่าน้อยกว่า จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องพิเศษใด ๆ ตามที่คนขายน้ำมันเครื่องบอก ถ้าดุกันที่น้ำมันเครื่องจะพบง่าใสสะอาดกว่าน้ำมันเครื่องของรถที่เติมเบนซิน เนื่องจากเผาไหม้ได้หมดจดกว่าและมีเขม่าน้อยกว่า ส่วนรถที่ใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิง ในการเผาไหม้จะมีพวกกรด (Acid) เยอะ จึงควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจะเสื่อมสภาพเร็วกว่า และมีการกัดกร่อนสูงจากพวกกรดที่ปะปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง
ใครก็ตามที่ใช้รถในเมืองเป็นประจำ ควรหาเวลาขับรถทางไกลยาว ๆ บ้าง (เดือนละครั้งก็ยังดี) เพื่อให้เผาเขม่าสิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในห้อง เผาไหม้ให้หมดไป ลดการสะสมคราบเขม่าสกปรกในห้องเผาไหม้ แหวนลูกสูบ หัวเทียน และวาล์ว