“2-3 ปีที่ผ่านมา รถเกียร์อัตโนมัติตกเป็นข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อย ทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้ง ๆ ที่รถแบบนี้มีดีเยอะแยะ หากแต่บนความดีก็มีรังสีอำมหิตแฝงอยู่ ซึ่งพร้อมจะหยิบยื่นความตายให้ผู้ขับขี่เสมอ ถ้าขาดความรู้และความเข้าใจ”
คนที่อยู่ในเขตเมืองที่รถราทั้งติดทั้งขัด รถเกียร์อัตโนมัติจึงเป็นทางเลือกที่แทบจะเลี่ยงไม่ได้อีกแล้ว นอกจาลดความเมื่อยล้าอันเนื่องมาจาการเหยียบคลัตช์เป็นร้อย ๆ ครั้งแล้ว ยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการขับรถมากขึ้น ลดความเครียดได้พอสมควร อีกทั้งราคาค่างวดก็ไม่แตกต่างจากรถเกียร์ธรรมดามากนัก
แต่บนความดีย่อมมีสิ่งร้ายหรืออันตรายแฝงเร้นอยู่ด้วย การเข้าเกียร์ผิดจะเดินหน้า แต่กลับถอยหลังไปชนรถหรือกำแพงเข้าก็มี บางคนหลงเกียร์จะขยับรถหนีคันที่จอดข้างหน้า ด้วยกลัวว่ารถเขาจะไหลตอนออกรถเพราะเหตุแห่งความลาดชัน ไฟเขียวมาช้าไปหน่อย เพื่อน ๆ เขาไปกันข้างหน้า แต่เรากลับเดินหลังอัดหน้าคันหลังเสียยับเยินเพราะหลงเกียร์ อย่างนี้ก็มีบ่อย หรือคุณว่าไม่จริง ดังนั้นจึงจำเป็นที่ผู้ขับขี่ควรรู้จักนิสัยใจคอของเพื่อนผู้รับใช้เอาไว้บ้าง :
1. ธรรมชาติพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนึ่งของรถเกียร์อัตโนมัติคือ เกียร์จะเปลี่ยนเมื่อรอบเครื่องได้ส่วนสัมพันธ์กับความเร็วรถ ตรงนี้ผู้ขับขี่ต้องรอบคอบให้มาก เมื่อจะขับรถลงเนินหรือลงเขา เพราะเมื่อเกียร์สูง ความเร็วก็สูงตาม เมื่อความเร็วสูง ความฝืดระหว่างยางรถกับถนนก็จะลดลง เชื่อว่าคุณคงได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าจำเป็นต้องเบรกแรง ๆ หรืออันตรายแค่ไหนถ้าขับเข้าโค้งแคบ ๆ ด้วยความเร็วสูง การแก้นิสัยเพี้ยน ๆ แบบนี้คือ อ่านความลาดชันนั้นให้ออก และเลือกใช้เกรียร์ให้ถูกต้องสอดคล้องกับความลาดชันนั้น ถ้าชันมาก ๆ อาจถึงเกียร์ 1 หรือ 2 แล้วแต่กรณี ทั้งนี้เพื่อเอาแรงเครื่องยนต์มาช่วยเบรก ถ้าเคยขับรถเกียร์ธรรมดามาก่อนก็ง่ายขึ้นคือประเมินว่าถ้าเป็นรถเกียร์ธรรมดาจะใช้เกียร์อะไร ก็ใช้เกียร์นั้นกับรถเกียร์อัตโนมัติ แค่ดึงหรือลากคันเกียร์มาตรงตำแหน่งที่เลือกเท่านั้น สำหรับรถบรรทุกทั้งหลายที่มี ช้อปเบรก ก็ใช้ช้อปเบรกควบคู่ไปกับเบรกเท้า เพราะเขาทำมาเพื่อให้ใช้กับงานแบบนี้อยู่แล้ว
2. ตำแหน่งเกียร์ที่ใช้- อันนี้เกี่ยวกับคนตรง ๆ ผู้ขับขี่ต้องจดจำตำแหน่งและหน้าที่ของเกียร์แต่ละเกียร์ให้ดี ทุกวันนี้ผู้ผลิตเขาก็จัดจำลองลำดับเกียร์เอาไว้ให้เตะตาที่หน้าปัดด้วยหลายยี่ห้อ แต่ก็ยังพลาดกันอีกจนได้ ฝึกตัวเองให้ดูจนติดเป็นนิสัย
3. คิดให้ดี ถ้าจะใช้ P (Park) – เพราะตำแหน่งนี้จะมีกลไกไปล็อคเกียร์ไว้ ทำให้รถไม่เคลื่อนที่ ตรงนี้แหละที่ต้องคิดว่าควรใช้เขาตอนไหนอย่างไร ควรไหมที่จะใช้ในการจราจรที่ไว้ใจไม่ค่อยได้อย่างบ้านเรา เราเป็นคนขี้หลงขี้ลืมแค่ไหนหากต้องลากไปมาผ่านตำแหน่งเกียร์ถอยหลังบ่อย ๆ ยิ่งพวกที่ใช้ทั้งรถเกียร์ธรรมดาและรถเกียร์อัตโนมัติสลับกัน ยอมรับว่าจำเป็นต้องใช้ P เมื่อจอดรถบนเนินหรือลงเนินที่ลาดชัน หรือเมื่อจะเปลี่ยนยางเปลี่ยนล้อ สมัยนี้คงหายากที่ช่างหรือศูนย์ฯ จะซ่อมให้เฉพาะชิ้นส่วนบางส่วนของเกียร์ ส่วนมากจะเปลี่ยนทั้งลูก หนักเหมือนกันนะครับที่รถก็กำลังผ่อนแล้วต้องมาเปลี่ยนเกียร์แบบยกลูก
