“เชื่อว่าหลายคนเคยมีประสบการณ์ถูกชนท้ายมาแล้ว และบางคนอาจเคยเจอมามากกว่าหนึ่ง หนักบ้าง เบาบ้าง สุดแต่สภาวะและสถานการณ์ ผู้ที่ขมขื่นที่สุดคงหนีไม่พ้นคนที่โดนชน ดังนั้นการใช้เทคนิคขับรถที่ป้องกันมิให้ไปชนท้ายรถคันหน้าเพียงอย่างเดียวจึงไม่พอ”
หากถามเหตุผลว่าทำไมคนขับคันหลังจึงไม่หยุดหรือหยุดรถไม่ทัน คำตอบก็คงเป็นเช่นเดียวกับมูลเหตุที่กล่าวไว้ในตอน “ขับอย่างไรไม่ให้ชนเขา” นั่นเอง เพียงแต่เป็นพฤติกรรมที่กลับกันเท่านั้น
การป้องกันอันดับแรกเมื่อมีรถมาจี้ท้ายก็คือ ขับหรือแซงหนีไป หรือปล่อยให้เขาแซงไปไหล่จี้คันอื่นแทน หรือเพิ่มระยะตามรถคันหน้าให้มากขึ้น เผื่อไว้เพื่อให้รถที่ตามหลังมีโอกาสได้เบรกอย่างน้อยสัก 2 ครั้ง หากมีเหตุฉุกเฉินมาเยือน ถ้าแบบนี้รับรองว่าคันหลังหยุดทันโดยไม่จูบก้นคุณ หรือใช้ “วิชามาร” ถ้าสลัดไม่หลุด ด้วยการแตะเบรกบ่อย ๆ แบบไม่มีจังหวะ เพื่อให้เขารำคาญ แล้วก็จากไปพร้อมกับความหงุดหงิด
ข้อพึงปฏิบัติที่ควรฝึกฝนเมื่อถูกจี้ท้ายคือ
1. ประการแรก เร่งขับหนีหรือแซงให้พ้นไป ถ้าทำได้และปลอดภัยพอ หากไม่สามารถแซงได้พยายามรักษาช่องทางและความเร็วไว้ให้คงที่ อย่าวูบวาบหรือขับปิดทางหวังสั่งสอน ให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะแซงผ่านไปหรือไม่
2. ถ้าเขาไม่แซงหรือยังไม่แซง พยายามเพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น โดยการใช้เบรก เมื่อทำอย่างนี้จะมีอุบัติการเกิดขึ้น 2 ประการ นั่นคือ คันที่จี้อยู่รีบแซงขึ้นหน้าไปทันที เพราะ “คัน” มานานแล้ว อีกอย่างที่ได้มา คือเราก็จะมีระยะห่างจากรถคันหน้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะสามารถหยุดรถได้ทันทั้งเราและเจ้าคันที่จี้
3. ถ้ายังจี้ไม่เลิก และเราก็ยังหลีกทางหลบให้ไม่ได้ ก็จำเป็นต้องใช้ “วิชามาร” กล่าวคือ แตะเบรกซ้ำ ๆ กันเพื่อไล่ให้เขาแซงไป เขาอาจแสดงความไม่พอใจให้เห็น ก็ต้องทำใจ ต้องเลือกเอาระหว่าง “ความถูกต้องกับความถูกใจ” ถ้าต้องการให้ถูกใจเขา ก็ทนไปแล้วกัน แต่ถ้าเลือกความถูกต้อง ก็ต้องทำแต่ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายนะครับ