การเปลี่ยนซีลยางเบ้าหัวเทียน
งานเข้าอีกแล้ว เหตุก็เนื่องมาจากอยากเปลี่ยนสายหัวเทียนแต่งให้รถคันเก่ง กะว่าล้างห้องเครื่องให้เอี่ยมอ่องก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน ตอนล้างไม่เท่าไหร่ แต่ตอนปลดระหว่างสายหัวเทียนเก่ากลับปรากฏร่องรอยของน้ำมันเครื่องติดปลายสายมา ลองเช็คดูตรงซีลที่ปลายสายก็ยังนิ่ม ๆ ไม่ขาดไม่แหว่ง รูปคดีจึงเบี่ยงเบนไปที่ซีลยางสายหัวเทียนที่ติดอยู่กับฝาครอบวาล์วแทน และหลังจากที่ส่องดูด้วยไฟฉายแล้วก็มิอาจปฏิเสธได้เลยเพราะรอบ ๆ ฉนวนกระเบื้องของหัวเทียนมันแฉะไปด้วยคราบน้ำมันเครื่องอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ได้ไปจ่ายตลาดกันอีกแล้ว
แล้วมันจะมีปัญหากับการทำงานของเครื่องหรือเปล่า? เท่าที่ใช้รถอยู่ทุกวี่วันก็ไม่มีอาการติดไม่ครบสูบให้ได้ยินแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็น่าจะเนื่องมาจากซีลยางที่หุ้มอยู่ตรงปลายสายหัวเทียนนั้นยังดีอยู่ น้ำมันเครื่องบนฝาสูบก็เลยยังไม่สามารถเข้าไปขัดขวางกระแสไฟที่ส่งมาจากใจกลางสายหัวเทียนไปยังหัวเทียนได้ แต่หากปล่อยไว้จนซีลยางตัวนี้แข็งหรือชำรุดจนน้ำมันเครื่องเข้าไปคั่นกลางระหว่างขั้วหัวเทียนได้ล่ะก็ มีหวังได้มีสูบใดสูบหนึ่ง อู้งานอย่างแน่นอนและเพื่อตัดความกังวลใจ ก็เลยเปลี่ยนใหม่เลยดีกว่า ถึงคราวที่ต้องวิ่งเข้าศูนย์บริการอย่างที่เคยทำเป็นประจำได้อะไหล่ทั้งหมด 5 ชิ้น คือ ซีลยางหัวเทียนที่ว่า 4 ตัว พร้อมปะเก็นฝาครอบวาล์วอีก 1 ชิ้น และที่จะลืมเสียมิได้ก็คือ ปะเก็นเหลว ที่มีให้เลือกทั้งขาวและดำ แต่เลือกสีขาวจะดีกว่า เวลาน้ำมันเครื่องซึมได้จับผิดได้ง่ายกว่านั่นเอง สรุปค่าใช้จ่ายก็แค่ 600 นิด ๆ อันประกอบไปด้วยซีลยางหัวเทียน 4 ชิ้น ก็ 200 กว่าบาท ปะเก็นฝาครอบวาล์วอีกเกือบๆ 300 กับปะเก็นเหลวอีก 100 เศษๆ สบายตัวกันไป
ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือก็น้อยชิ้นสุด ๆ แค่ตัว T เบอร์ 10 , ไขควงแบนและผ้าสะอาด ๆ อีก 2 ผืนเท่านั้น อันดับแรกต้องปล่อยให้เครื่องเย็นตัวลงจนเข้าสู่อุณหภูมิปกติซะก่อน จะได้ไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือนให้เห็นในขณะปฏิบัติงาน จากนั้นก็เริ่มถอดสายท่อทางเดินต่าง ๆ ออก ซึ่งหลัก ๆ ก็สายหัวเทียน , สายกราวด์ที่ต่อเชื่อมระหว่างฝาสูบกับคานหน้า และสายคันเร่ง ซึ่งเกาะอยู่กับขายึดที่ฝาครอบวาล์วอีก 1 จุด ที่เหลือก็แค่อาศัยตัว T ในการถอดเอาน็อตยึดฝาครอบวาล์วทั้ง 4 ออกเท่านั้นเอง
ถึงขั้นตอนการรื้อฝาครอบวาล์วออกจากฝาสูบ ซึ่งต้องอาศัยไขควงแบนในการงัดเอาฝาครอบวาล์วออก โดยให้สังเกตที่บริเวณขอบของฝาครอบวาล์วที่มันจะมีร่องไว้สำหรับงัดเอาฝาครอบวาล์วโดยเฉพาะ ก็แค่บิดไขควงเบา ๆ ก็ผละออกจากกันแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะหยิบไขควงเลยไอ้เจ้าของมันก็ดึงฝาขายึดสายคันเร่งจนฝาครอบวาล์วแยกออกจากันซะแล้ว จริงๆแล้วถอดแบบนี้มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ดูจะสิ้นเปลืองแรงโดยใช่เหตุ เผลอๆ บ้าพลังมาก ๆ ก็จะพลอยทำให้ฝาครอบวาล์วเสียหายซะเปล่า ๆ สู้ค่อย ๆ ใช้ไขควงบิดให้แยกออกจะง่ายกว่า พอยกเอาฝาครอบวาล์วออกมาวางเท่านั้นแหละ ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมน้ำมันเครื่องจึงไหลเข้าไปออกันที่เบ้าหัวเทียน ก็ซีลยางหัวเทียนมันทั้งแข็งทั้งขาด จนหมดสภาพ คนละเรื่องกับของใหม่ที่ทั้งนุ่มทั้งกลม อ้อ พอเอาฝาครอบวาล์วออกแล้ว ก็เอาผ้าสะอาด ๆ อย่างที่บอกคลุมฝาสูบไปด้วยก็ดี เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีฝุ่นหรือสิ่งปลอมปนเข้าไปตีสนิทกับน้ำมันเครื่องหรือชิ้นส่วนบนฝาสูบ ทีนี้ก็จับฝาครอบวาล์วหงายซะ ปะเก็นยางครอบวาล์วเดิมจัดการลอกทิ้งไป ไม่ต้องไปเยื่อใยกับมัน เพราะของใหม่มากองรออยู่แล้ว รวมไปถึงซีลยางหัวเทียนเน่า ๆ ทั้ง 4 ชิ้นนั่นด้วย
ถึงตรงนี้ต้องยกหน้าที่ให้กับผ้าสะอาดๆ ในการเช็ดคราบปะเก็นเหลวของเก่า อันเนื่องมาจากเคยเข้าอู่เพื่อไปตั้งวาล์ว แต่ไม่ได้บอกให้ช่างเค้าเปลี่ยนปะเก็นใด ๆ เลย ซึ่งตอนนั้นทั้งปะเก็นฝาครอบวาล์วและซีลยางหัวเทียนมันคงร่อแร่พอสมควรแล้วล่ะ ช่างเค้าก็เลยทาปะเก็นเหลวมาให้ใช้ไปพลาง ๆ ก่อน เพราะเจ้าของรถไม่ได้แจ้งไปว่าต้องการเปลี่ยนด้วย เพราะฉะนั้นถ้ามีคราบปะเก็นเหลวที่ว่าต้องเอาออกให้หมด แต่ต้องระวังให้ดีโดยเฉพาะบริเวณขอบ เพราะสามารถที่จะทำให้เกิดและระวังอย่าให้เศษปะเก็นเหลวหล่นเจ้าไปในฝาสูบก็จะเป็นการดี มาถึงตรงร่องของปะเก็นทั้งของฝาครอบวาล์วและเบ้าหัวเทียนที่ตัวฝาครอบวาล์ว ที่ต้องพึ่งผู้ช่วยกันเล็กน้อยเพราะมันต้องใช้แท่งโลหะหรือไม้ พันด้วยผ้าเพื่อแทรกซึมตามซอกตามซอยที่ฝาครอบวาล์วเพื่อขจัดเอาคราบปะเก็นเหลวออกให้ได้มากที่สุด
เมื่อร่องปะเก็นสะอาดเอี่ยมดีแล้ว ก็ถึงคิวของปะเก็นฝาครอบวาล์วที่เบิกใหม่มา จัดการวางลงไปให้เหมาะเจาะ ตามมาด้วยซีลยางหัวเทียนทั้ง 4 ชิ้น ที่ออกแรงกดแค่นิดเดียวก็เข้าที่เข้าทางแล้วล่ะ ตามมาด้วยปะเก็นเหลว สำหรับกันเหนียวไม่ให้น้ำมันเครื่องมีโอกาสได้ออกสู่โลกภายนอก แต่ไม่ต้องโปะจนหนาเหมือนรองพื้นคนแถวนี้ เอาแค่บาง ๆ ก็พอ เพราะปะเก็นใหม่ที่เบิกนั้นมีความพร้อม 100% ที่จะโดนบีบอัดอยู่แล้ว ที่เหลือก็แค่ประกอบทุกอย่างกลับเข้าที่เดิม ก็เป็นอันเรียบร้อย
ส่วนน้ำมันที่ค้างอยู่ในเบ้าหัวเทียน อันนี้ก็สุดแท้แต่กลยุทธ์ของแต่ละคน แต่ที่ดูแล้วเข้าเค้าที่สุดก็คงไปไม่พ้นการพึ่งสลิงฉีดยาอันเล็ก ๆ กับท่อยางไซส์ประมาณท่อยางออกซิเจนที่ใช้ในตู้ปลา ซึ่งสามารถซอนไซเข้าไปในซอกในหลืบได้ดีกว่า จากนั้นก็ค่อย ๆ ดูดน้ำมันออกให้เหลือน้อยที่สุด เพราะจะให้แห้งเลยคงยาก เอาแค่หย่อนสายหัวเทียนเข้าไปแล้วไม่มีน้ำมันเครื่องติดมาด้วยก็พอ ตราบใดที่น้ำมันเครื่องยังไม่เข้าไปขวางทางเดินกระแสไฟที่ส่งมาจากปลายสายไปยังขั้วหัวเทียน ก็คงจะไม่มีผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์แต่อย่างใด เพียงแต่เราเลือกที่จะเปลี่ยนเพื่อความสบายใจ ค่าอะไหล่แค่ไม่กี่ร้อยกับลงแรงอีกนิดหน่อยครับ