เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น สิ่งแรกที่คุณควรทำ ให้หยุดรถทันทีเท่าที่ทำได้ เมื่อหยุดรถแล้วอย่าเลื่อนรถจากจุดที่เกิดเหตุเป็นอันขาดและอย่าเลื่อนรถจนกว่าจะมีการตกลงกันได้ และควรแจ้งตำรวจทุกครั้งแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะถ้าอีกฝ่ายแจ้งความในภายหลัง หากเจ้าหน้าที่สรุปว่าคุณหลบหนีคุณจะเป็นฝ่ายผิดทุกกรณี
เว้นแต่จะเกิดอุบัติเหตุในที่เปลี่ยวหรือในยามวิกาล ควรคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตเป็นอันดับแรก เพราะมีอาชญากรมากมายที่ใช้วิธีการเฉี่ยวชนในที่เปลี่ยว พยายามจดเลขทะเบียนรถคู่กรณี สี ยี่ห้อ ตำหนิ เวลาและสถานที่เกิดเหตุเอาไว้ ถ้ามีกล้องถ่ายรูปให้ถ่ายรูปรถคู่กรณีแล้วพยายามขับต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงที่ชุมชนที่สว่างหรือมีคนพลุกพล่าน หรือเมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเบอร์ 191 ก็ได้เพราะเจ้าหน้าที่จะต่อสายตรงถึงท้องที่เกิดเหตุ ตามด้วยการโทรหาตัวแทนประกันภัย
หากมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ้งหรือมูลนิธิร่วมกตัญญูถ่ายภาพศพหรือที่เกิดเหตุไว้ ก็ให้ติดต่อขอภาพที่ถ่ายเก็บไว้ให้ได้ เพราะจะเป็นประโยชน์แก่รูปคดีในภายหลัง ถ้าไม่มีต้องรอให้เจ้าหน้าที่มาถึงอย่างเดียว
หากไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ ให้คุณทำหนังสือยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้เป็นหลักบาน โดยลงชื่อยืนยันไว้ทั้ง 2 ฝ่าย และอย่าหลงเชื่อคู่กรณี หากบอกว่าไม่ต้องแจ้งตำรวจ เพราะอีกฝ่ายอาจปฏิเสธความรับผิดชอบในภายหลัง
-ห้ามหนีเป็นอันขาด
ความผิดฐานขับรถประมาทนั้นผู้กระทำผิดไม่ใช่อาชญากรร้ายแรงอะไร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนถ้าขาดความระมัดระวังและประมาท ในเรื่องของบทลงโทษก็ไม่มากมายหรือหนักหนาอะไรจึงไม่ควรหนี
แม้ขับรถชนคนหรือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่แน่ใจว่าตายแล้วก็ต้องอยู่ในที่เกิดเหตุ รอจนเจ้าหน้าที่มาเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง โทษหนักอาจจะกลายเป็นเบาหากคุณมอบตัวสู้คดี ซึ่งบางทีคุณอาจจะไม่มีความผิดอะไรเลยก็ได้
-หน้าที่ของคนขับรถเมื่อเกิดรถชนกันและมีคนเจ็บ
กฎหมายกำหนดไว้ว่า ต้องหยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควร เช่น ขับรถชนคนก็ต้องหยุดรถ ช่วยเหลือคนที่ถูกชน นำส่งโรงพยาบาลเท่าที่จะทำได้
จากนั้นต้องไปแสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทันที คือ ต้องรีบไปแจ้งตำรวจที่ใกล้เคียงทันที แต่ต้องบอกตำรวจด้วยว่าเราเป็นคนขับรถอะไร พร้อมแจ้งชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ หมายเลขทะเบียนรถ แก่ผู้ได้รับความเสียหายด้วย
หากผู้ขับขี่หลบหนีหรือไม่แสดงตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ กฎหมายให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้กระทำผิดและตำรวจมีอำนาจยึดรถที่ขับไว้จนกว่าจะได้ตัวผู้ขับขี่หรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ถ้าคนขับคนใดไม่ปฏิบัติตามที่กล่าวมา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท แต่ถ้าคนที่ถูกชนบาดเจ็บสาหัสหรือตาย ต้องจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท
เพราะการขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นนั้นบาดเจ็บหรือเสียชีวิตมีความผิดทั้งทางกฎหมายแพ่งและอาญา อาจต้องรับโทษติดคุก ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ค่าบาดเจ็บ ค่าทำศพ เป็นต้น
การตกลงใช้ค่าเสียหายให้คนเจ็บ ตำรวจมีระเบียบไว้ว่า สามารถไม่ให้คืนรถของกลางให้แก่ผู้ต้องหา จนกว่าผู้ต้องหาจะพยายามตกลงกับฝ่ายผู้เสียหาย ถ้าหากเราชดใช้ค่าเสียหาย จ่ายค่าทำศพให้เขา คดีแพ่งก็ระงับฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งไม่ได้อีกแล้ว
ส่วนหากถูกฟ้องคดีอาญา ผู้เสียหายจะมาแถลงต่อศาลว่า เราได้ชดใช้ค่าเสียหายให้เขาแล้ว ส่วนมากแล้ว ศาลจะปรานีจำเลย โดยตัดสินให้รออาญาแก่จำเลย
เช่นเดียวกับในกรณีที่เราขับรถชนคนบาดเจ็บ ไปโรงพยาบาลต่อมาอัยการฟ้องต่อศาล ก็แถลงต่อศาลว่า เราช่วยเหลือคนเจ็บพาส่งโรพยาบาลตามหน้าที่ ไม่ได้หลบหนีหรือทอดทิ้งส่วนมากศาลจะรอลงอาญาให้แต่ถ้าชนแล้วหนี ส่วนมากศาลมักจะจำคุก เพราะเห็นว่าเป็นคนแล้งน้ำใจ
-อย่ายอมรับผิด จนกว่าจะพิสูจน์ได้
กรณีนี้เป็นการรักษาสิทธิ์ของตนเอง อย่าเพิ่งพิจารณาเรื่องไปเอง ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือใครผิดใครถูก เพราะต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ คุณไม่มีอำนาจในการตัดสินว่าใครผิดใครถูก จนกว่าจะมีการพิสูจน์กันตามกฎหมาย
อย่าพูดเพราะความตระหนกหรือตกใจว่าคุณผิด เพราะอาจทำให้คุณผิดทั้ง ๆ ที่ตามกฎหมายแล้วคุณอาจจะไม่ผิด ไม่ควรกล่าวโทษอีกฝ่ายและอย่ารีบรับข้อเสนอให้ยอมความ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณบาดเจ็บด้วยเช่นกัน เพราะการบาดเจ็บของคุณอาจจะต้องใช้เวลาสักพักอาจจะเป็นอาทิตย์ หรือเป็นเดือนที่จะแสดงอาการออกมา ต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัย
ถ้าคุณใจร้อน คุณยอมความไปแล้ว การเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมในภายหลังจะทำได้ยากขึ้น ถ้าไม่มีการลงบันทึกต่อท้ายเอาไว้ แต่ถ้าคุณไม่ได้รับบาดเจ็บและข้อเสนออีกฝ่ายเป็นที่น่าพอใจ คุณก็น่าจะยอมความกันได้
-หาพยานมายืนยัน
การมีพยานมายืนยันจะช่วยคุณได้มาก ได้แก่ผู้ที่อยู่แถว ๆ ที่เกิดเหตุในเวลานั้นพอดี หากเขายินยอมเป็นพยานให้คุณจดชื่อ-ที่อยู่เพื่อติดต่อเอาไว้ เพื่อในกรณีเหตุที่คุณอาจเป็นฝ่ายผิดได้ หากไม่สามารถหาพยานมายืนยันได้
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาพยานในที่เกิดเหตุประกอบรูปคดีเพราะพยานที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียนั้นจะมีน้ำหนักมากที่สุด
-การตกลงเงื่อนไขการจ่ายค่าเสียหาย
หากรถมีประกันควรให้เจ้าหน้าที่ประกันภัยเป็นผู้เจรจาตกลง ถ้าไม่มีประกันภัย ควรให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพยานในการตกลงชดใช้ค่าเสียหายระหว่างกันด้วยมูลค่าความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น และลงบันทึกลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่าย และพยานให้ถูกต้อง