เทคนิครถยนต์: ทริคเล็ก ๆ ก่อนเปลี่ยนสายคันเร่ง
การควบคุมลิ้นเร่งของรถด้วยสายเป็นอะไรที่ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อนและไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยี แต่ใช้งานได้ดีและทน การดูแลรักษาก็ไม่มีอะไรมาก แค่หมั่นหยอดน้ำมันไว้หล่อลื่นตัวสายที่เป็นโลหะไว้บ้างก็พอ เพราะมันจะเกิดการเสียดสีตลอดเวลาที่เราใช้คันเร่งนั่นเอง
และด้วยความที่เคยประสบปัญหาเรื่องคันเร่งค้างมาแล้ว ประมาณว่าพอเหยียบคลัทช์เพื่อชะลอปุ๊บ รอบเครื่องจะไปป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ 1,000 – 1,200 รอบ/นาที ต้องกดคันเร่งซ้ำนั่นแหล่ถึงจะกลับมาอยู่ที่รอบเดินเบาอย่างเดิม ทั้ง ๆ ที่ก็ดูแลสายคันเร่งเป็นอย่างดี ด้วยการฉีดน้ำมันอเนกประสงค์เข้าไปหล่อลื่นภายในสายอยู่บ่อย ๆ แล้วก็ตาม จะมีที่ทำอะไรไม่ได้ก็คือ ซีลยางกันฝุ่นที่หมดสภาพไปเรียบร้อยแล้ว คือ ยินดีต้อนรับความชื้นและสิ่งสกปรกทุกอย่างเข้าสู่สายคันเร่งแต่โดยดี สุดท้ายก็ทนไปไม่ไหวต้องกัดฟันเบิกของใหม่มาเปลี่ยนดีกว่า เพราะอย่างน้อย ๆ เสียเงินทีเดียวแต่ใช้กันยาว
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นของใหม่ที่หล่อลื่นสายโลหะด้านในด้วยจาระบีมาจากโรงงานแล้วก็ตาม แต่เพื่อกันเหนียวก็ต้องเล่นของกันซักหน่อย กับน้ำมันเครื่องที่ยังไม่ผ่านการใช้งานซึ่งจะให้มีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นได้ดีกว่า กับยุทธวิธีที่เรียกได้ว่า “บ้านๆ” ของแท้ กับอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ทั่วไปและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่อย่างใดอีกด้วย แค่หาถุงพลาสติกใสกับหนังยางอีก 2-3 เส้นก็ครบแล้ว จากนั้นเริ่มดัดปลายถุงพลาสติกด้านใดด้านหนึ่งเป็นมุมทแยง ให้กว้างพอที่จะใส่หัวสายเข้าไปได้ พอตัดเสร็จแล้วก็ครอบหัวสายด้านใดด้านหนึ่งด้วยถุงพลาสติกที่เราตัดทแยงไปนั่นแหละ แล้วรัดไว้ด้วยหนังยางให้แน่นพอประมาณ จับปากถุงให้ตั้งขึ้นแล้วก็หยอดน้ำมันลงพอให้ท่วมสาย แล้วเอามือกำถุงพลาสติกไว้พอหลวม ๆ ให้มั่นใจว่าน้ำมันจะไม่หกเรี่ยราดพื้นจากนั้นก็ชักหัวสายเข้า-ดันออกไปเรื่อย ๆ เพื่อให้สายโลหะเป็นตัวนำน้ำมันเข้าไปหล่อลื่นยังภายในสายทีละนิด ๆ จนครบทุกมม. ของความยาวสายคันเร่ง ซึ่งเราสามารถสังเกตได้ที่ปลอกปลายสาย เพราะมันจะมีน้ำมันไหลออกตอนที่เราดันหัวสายคันเร่งออกมาด้วยนั่นเอง อาจจะต้องใช้เวลานานซักนิดประมาณ 15-20 นาที แต่รับรองได้เลยว่าพอหล่อลื่นจนน้ำหนักชุ่มไปทั้งเส้นแล้ว ปลาไหลเรียก “พี่” เลยล่ะ
หลัก ๆ ของสายคันเร่งที่ต้องรื้อก็จะมีอยู่แค่ 3 จุด คือ ปลายสายที่ลิ้นเร่ง จุดยึดตรงผนังห้องเครื่อง และหัวสายที่แป้นคันเร่ง และที่พูดมานี่ก็เท่ากับเรียงลำดับความง่ายไปหายากในการถอดเลยล่ะ เริ่มจากลิ้นเร่งกันก่อน ที่ตำแหน่งนี้จะมีประกับล็อคตัวสายอยู่ตรงท่อร่วมไอดี พร้อมด้วยน็อตล็อคอีก 2 ตัว ก็ต้องคลายเจ้าน็อต 2 ตัวนี้ให้สุดเกลียวก่อน หรือถ้ากลั้วว่าสายคันเร่งมันจะตึงหรือหย่อนเกินไปก็จัดการวัดระยะระหว่างสายกับน็อตด้วนตลับเมตรไว้ก่อนก็ได้ เวลาที่ใส่สายคันเร่งเส้นใหม่เข้าไปจะได้ไม่ต้องมาตั้งให้ยุ่งยาก จากนั้นจึงเลื่อนสายเข้าหาลิ้นเร่ง เพื่อให้ตัวสายมีระยะให้ตัวพอที่จะปลดหัวสายที่ลิ้นเร่งออกมาได้
พอปลดหัวสายที่ลิ้นเร่งได้แล้วมันก็จะมีจุดยึดอีก 3 จุด คือ ที่ฝาสูบ 2 จุดและขายึดตรงคานหน้าอีก 1 จุด ซึ่ง 3 จุดนี้จะปลดง่ายหน่อยเพราะเป็นแค่แผ่นเหล็กที่ทำหน้าที่หนีบเอาไว้เท่านั้น แต่ไอ้ที่วุ่นวายอยู่ที่หัวสายตรงแป้นคันเร่งต่างหาก เนื่องจากตรงหัวสายมันจะมีกิ๊บพลาสติกที่ทำหน้าที่ล็อคตำแหน่งไว้กับแป้นคันเร่ง ซึ่งจะต้องมุดเข้าไปปลด ตรงที่ด้านหลังของแป้นคันเร่งอีกที ไอ้ตอนปลดน่ะไม่ยากหรอก แต่มันเหนื่อยอีตอนมุดเนี่ยแหละ
พอปลดทุกจุดเสร็จสิ้นแล้วก็จะเหลืออีกเพียงแค่จุดเดียวที่ผนังห้องเครื่อง ซึ่งออกแบบให้เป็นข้อต่อที่ถอด-ใส่โดยการ “กดแล้วบิด” ที่เล่นเอางงเป็นไห่ตาแตกเลย เพราะมัวแต่ไปปลดจาด้านในอยู่พักใหญ่ ๆ ซึ่งทำยังไงก็ไม่หลุดซะที แต่ที่ไหนได้มันถูกออกแบบมาให้บิด จาด้านนอกโดยตรงซึ่งถ้าหัดสังเกตตั้งแต่แรกก็จะรู้ว่าตัวข้อต่อไม่ได้ออกแบบมาให้ปลดจาด้านใน อันนี้ต้องโทษความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนถอดนั่นเอง ซึ่งตรงจุดนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะตรงผนังห้องเครื่องมันจะมีซีลยางอีกจุด สำหรับป้องกันไม่ให้น้ำและสิ่งสกปรกจาห้องเครื่องเข้าสู่ในห้องโดยสารนั่นเอง ซึ่งอายุการใช้งานก็ตามอายุขัยจองรถนั่นแหละ สภาพมันก็เลยค่อนข้างย่ำแย่ไปตาม ๆ กัน เพราะฉะนั้นก็ต้องเบามือซักหน่อยในการออกแรงบิดเข้าบิดออก
และเพื่อไม่ให้เจ้าซีลยางที่ว่าบอบช้ำจนขาดใจตายระหว่างการประกอบ ก็ต้องใส่เข้าปลั๊กนี่เป็นอันดับแรกเลย ตัวซีลยางจะได้อยู่กับที่ ไม่ถูกกดทับหรือกระทบกระเทือนจนขาดรุ่งริ่งนั่นเอง ส่วนการใส่ก็ต้องบิดให้ทิศทางตรงข้ามกับการถอด คือ บิดตามเข็มนั่นเอง จากนั้นก็ต้องมุดไปที่แป้นคันเร่งอีกที เพื่อประกอบกิ๊บล็อคเข้ากับแป้นคันเร่ง แต่ไอ้ตอนใส่นี่ง่ายกว่าตอนถอดนิดหน่อย แค่ดันเบา ๆ ก็เข้าที่เข้าทางแล้ว พอ 2 จุดนี้เรียบร้อยที่เหลือก็ “อู๊ดๆ” แล้วครับ เพราะแต่ละจุดที่จะต้องยึดกับตัวหนีบจะมีมาร์คให้อยู่แล้ว ก็แค่ออกแรงดันนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เรียบร้อย ส่วนจุดสุดท้ายกับปลายสายที่ลิ้นเร่งซึ่งก็ทำเหมือนตอนถอดน่ะแหละ คือ คลายน็อตให้สุดทั้ง 2 ตัว วางสายไว้บนประกับ แล้วจับสายดันเข้าให้สุด จากนั้นก็ค่อย ๆ คล้องหัวสายเข้ากับตัวลิ้นเร่ง ตรงนี้ต้องดูการบิดตัวของหัวสายด้วย อย่าฝืน เพราะไม่งั้นเวลาที่สายคันเร่งโดนดึงมันจะไม่คล่องตัวนั่นเอง พอใส่ตรงนี้เรียบร้อยก็มาต่อที่น็อตตั้งระยะสายคันเร่ง จัดการหมุนน็อตทั้ง 2 ตัว เข้าหาประกับที่ท่อร่วมไอดี ค่อย ๆ ปรับตั้งไปทีละนิดอย่าให้สายมันตึงจนเกินไป ให้มีความหย่อนอยู่ที่ประมาณ 10-12 มม. จากนั้นก็จัดการก็สตาร์ทเครื่อง จนถึงอุณหภูมิทำงานดูว่ารอบเดินเบาถูกเร่งขึ้นไปกว่าเดิมหรือไม่ ถ้าไม่ก็ลองเหยียบแป้นคันเร่งว่าการตอบสนองเป็นอย่างไร ถ้าทุกอย่างโอเคก็ขันน็อตให้แน่นได้เลยครับ
ในช่วงแรก ๆ มันจะมีน้ำมันไหลเยิ้มบ้าง ตรงบริเวณซีลกันฝุ่นก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากน้ำมันในระบบมันจะไหลออกมาตามจังหวะที่สายถูกดึงกลับด้วยสปริงของตัวลิ้นเร่ง ไม่ได้รั่วมาจากไหน สัมผัสจะนุ่มสบายเท้ากว่าแต่ก่อนเห็นได้ชัด อาการคันเร่งค้างก็หายเป็นปลิดทิ้ง เสียค่าใช้จ่ายแค่ครั้งเดียวแต่อยู่รับใช้กันไปอีกนานเลย