เคล็ดลับซื้อรถมือสอง รวมเทคนิคและวิธีการเลือกซื้อรถมือสอง คลิก!! More

วิธีล้างห้องเครื่องอย่างถูกวิธี

วิธีล้างห้องเครื่องอย่างถูกวิธี

            ในห้องเครื่องนั้นเนืองแน่นไปด้วยอุปกรณ์ชิ้นส่วนหลากหลาย โดยเฉพาะอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์และไฟฟ้า ซึ่งไม่ชอบน้ำ จึงทำให้บ่อยครั้งที่การล้างห้องเครื่องเองเกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเดินไม่เต็มสูบบ้าง , ไฟ Check Engine โชว์ , อุปกรณ์ไม่ทำงาน ฯลฯ ยิ่งรถเก่ายิ่งไม่ค่อยนำเสี่ยง หลังจากที่ได้ลองศึกษาดูก็พบว่าหลักสำคัญในการล้างห้องเครื่องไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการ พยายาม “ใช้น้ำให้น้อยที่สุด” เพื่อไม่ให้มีปัญหากับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็คทรอนิคส์รวมทั้งสนิม จึงใช้น้ำยาแบบโฟมทำความสะอาดห้องเครื่อง โดยเฉพาะซึ่งมีให้เลือกหลายยี่ห้อ

            หลังจากที่ได้น้ำยาทำความสะอาดมาแล้ว ที่เหลือก็คือเตรียมอุปกรณ์ตัวประกอบมาให้พร้อม ซึ่งก็จะประกอบไปด้วยโบลว์เออร์สำหรับป่าไล่น้ำหลังล้างเสร็จ ฟองน้ำแบบไม่ต้องหนามาก แปรงสีฟันขนนุ่ม ๆ ถุงมือยาง ถุงพลาสติกใบเล็ก ๆ และผ้าเทปอีกม้วน สองสิ่งสุดท้ายเอาไว้หุ้มปิดอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบอิเล็กทรอนิคส์และไฟฟ้าให้มิดชิด เช่น เซ็นเซอร์ ปลั๊กสายไฟ จานจ่าย และสายหัวเทียน ทิ้งเครื่องยนต์ให้เย็นสนิทก่อน เพื่อไม่ใช้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่ยังร้อนอยู่แล้วมาเจอของเย็น ๆ จนบิดตัวหรือร้าว ที่สำคัญมือไม่พอง จัดไปซะ 1 ซม. เพื่อรอให้เครื่องมันเย็นตัวตามธรรมชาตินั่นเองและเตรียมถอดแบตเตอรี่เพราะมันเป็นแหล่งจ่ายกระแสไฟที่พร้อมจะช็อตได้ตลอดเวลา หากว่ามีน้ำเข้าเป็นตัวกลางเชื่อมประสานระหว่างขั้ว + และขั้ว – หลังจากที่โยกย้ายแบตเตอรี่ออกแล้วให้หุ้มขั้วทั้ง 2 ด้วยถุงพลาสติกป้องกันไม่ให้น้ำขังอยู่ที่ขั้ว

            อยากจะถอดอะไรก็ถอดเลย เราเลือกถอดกรองอากาศออกทั้งยวง เพื่อจะทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ทั้งที่ตัวหม้อกรองและบริเวณที่คุณต้องการทำความสะอาด น้ำยาแบบโฟมจะพุ่งตรงเข้าไปยังบริเวณที่ต้องการได้ทันที รอซัก 5 นาทีเพื่อให้น้ำยาชะล้างเอาคราบสิ่งสกปรกออกไป ถ้ายังไม่เป็นที่พอใจก็จัดการเอาฟองน้ำหรือแปรงสีฟันที่เตรียมไว้ค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆถูไปเรื่อย ๆ ยิ่งตามซอกตามหลืบที่ซอกซอนลำบากนี่ตัวดีเลย จากนั้นก็ค่อยเอาน้ำล้างออก ถ้าก๊อกน้ำอยู่ไกลก็ใส่กระป๋องใบใหญ่ ๆ แล้วเอาขวดน้ำตัดครึ่งตัดเทก็ได้ แต่ถ้าก๊อกน้ำอยู่ใกล้ก็ใช้แรงดันต่ำค่อย ๆ ล้างออก ห้ามเปิดน้ำแรงเด็ดขาด เดี๋ยวงานเข้า โดยเฉพาะแถว ๆ เซ็นเซอร์และปลั๊กไฟ เลี่ยงได้ควรเลี่ยง

            โดยเริ่มจากฝาครอบวาล์วกันก่อน เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่เห็นได้ชัดเจนยามที่เปิดกระโปรง ก็เลยต้องโดนเป็นไม้แรก จากนั้นก็ลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ทั้งมุมหน้าซ้าย-ขวา , ผนังห้องเครื่อง , เสื้อสูบ , ซุ้มล้อซ้าย-ขวา ฯลฯ ซึ่งถ้าเป็นบริเวณผนังห้องเครื่อง พอล้างด้วยน้ำแล้วมันจะดูด่าง ๆ ก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากพอแห้งแล้วสีมันก็จะกลับมาเงาเหมือนเดิม กรณีที่เป็นพื้นที่ ๆ ค่อนข้างเปลือยโล่งการทำความสะอาดก็คงจะง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึงก็คงจะต้องใช้วิทยายุทธ์ของแต่ละคนในห้องเครื่องเต็มไปด้วยขอบคมควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะนอกจากชิ้นส่วนที่มองเห็น ตอนที่เปิดฝากระโปรงแล้ว ต่ำลงไปมันยังมีคราบสกปรกเกาะอยู่อีกเพียบ ทั้งผนังห้องเครื่องด้านล่าง , เสื้อเกียร์ด้านใน,ยางแท่นเครื่อง-เกียร์และซับเฟรม ถ้าหากน้ำยายังไม่หมด คุณยังไม่เมื่อย และไม่ได้รีบไปไหนก็จัดดไปอย่าให้เสียครับ ล้างเสร็จแล้วถ้ามีโบลวเออร์ก็จัดการนำมาเป่าซอกไหนซอยไหก็เป่ามันเข้าไป ป้องกันไม่ให้น้ำขังอยู่ตามจุดต่าง ๆ แต่ถ้าไม่มีก็ให้เอาผ้าคอยซับน้ำทิ้ง หรือจะใช้พวกน้ำมันอเนกประสงค์ไล่ฉีดตามจุดต่าง ๆ ก็ได้เหมือนกัน เพราะน้ำมันเหล่านี้มีคุณสมบัติไล่ความชื้นในตัวอยู่แล้ว ตามด้วยการใส่แบตเตอรี่เข้าตามเดิม ส่วนขั้วก็ใส่ + ก่อนนะครับ แล้วค่อยตามด้วยขั้ว – นอกจากนี้ก็ยังมีน้ำยาเคลือบเงาสำหรับชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะด้วย จะเอามาลงซะเลยก็ดี

            หลังจากที่ประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ เข้าที่ตามเดิมแล้ว ก็ลองสตาร์ทเครื่องได้เลย แต่ตอนที่เครื่องมันหมุนช่วงแรก ๆ อาจจะมีเสียงบ้างก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากสายพานหน้าเครื่องมันโดยความชื้นจนเกิดเสียงนั่นเอง พอน้ำเริ่มระเหยแห้งก็เงียบเป็นปกติ ติดเครื่องไว้ซักพัก ลองเร่งเครื่องดู เพื่อเช็คดูว่าทุกระบบทำงานเป็นปกติหรือเปล่า ? หากเดินครบสูบ-รอบเครื่องไม่สะดุด และพัดลมทำงานก็แสดงว่าคุณประสบความสำเร็จแล้วล่ะครับ การล้างห้องเครื่องนอกจากความสะอาดแล้วยังช่วยให้สามารถตรวจเช็คสภาพอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้จากที่มองไม่ค่อยเห็นเพราะคราบสกปรกบดบังอยู่

บทความรถยนต์ที่เกี่ยวข้อง

บทความรถยนต์ที่น่าสนใจ